avatar

มินตรา

อัปเดต: 2025-10-12

3740 การดู, 6 min การอ่าน

ทุกคนรู้ดีว่า การยืนยันตัวตน สำคัญมาก เพราะช่วยยืนยันว่าใครคือผู้ใช้จริงและปกป้องความปลอดภัยของระบบ แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีใครอยากเจอกระบวนการเข้าสู่ระบบที่ช้าหรือยุ่งยากเกินไป

ตรงนี้เองที่ การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน (passwordless authentication) เข้ามาช่วยให้การเข้าถึงง่ายขึ้น ด้วยวิธีอย่างรหัสใช้ครั้งเดียว (OTP), ไบโอเมตริกซ์ หรือ magic link พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบมากขึ้น

หากคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่าน ควรเริ่มจากการเข้าใจหลักการทำงาน ประเภทหลัก ๆ ที่มี และเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับทั้งผู้ใช้และธุรกิจ คู่มือนี้จะพาคุณไปรู้ทุกเรื่องที่จำเป็นต้องรู้

การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน

ส่วนที่ 1: การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านคืออะไร

การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน (Passwordless Authentication) คือ การยืนยันตัวตนผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน แต่ใช้วิธีอื่นในการตรวจสอบตัวตนแทน เพื่อให้ขั้นตอนนี้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้และช่วยยกระดับประสบการณ์ใช้งาน

รหัสผ่านแบบเดิมมักจำยาก หลายคนจึงต้องรีเซ็ตบ่อย ๆ และรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือใช้ซ้ำก็ยังเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่พบบ่อย การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านช่วยแก้ปัญหาทั้งสองข้อ ไม่ต้องจำรหัสผ่านซับซ้อน และลดโอกาสที่บัญชีจะถูกเจาะข้อมูลลงอย่างมาก ด้วยการแทนที่รหัสผ่านด้วยทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ช่วยให้ผู้ใช้ปลอดภัยโดยไม่ต้องหงุดหงิดกับการเข้าสู่ระบบ

ส่วนที่ 2: ประเภทของการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน

วิธีการยืนยันตัวตนใด ๆ ที่ไม่ใช้รหัสผ่านในการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้ จะเรียกว่า การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน มาดูตัวอย่างประเภทที่ใช้กันบ่อย

อะไรคือ Passwordless Authentication

1 ไบโอเมตริกซ์ (Biometrics)

ไบโอเมตริกซ์ใช้ลักษณะทางกายภาพหรือพฤติกรรมเพื่อยืนยันตัวตนผู้ใช้ เช่น ลายนิ้วมือ การจดจำใบหน้า การสแกนม่านตา การจดจำเสียง หรือแม้แต่พฤติกรรม เช่น จังหวะการพิมพ์ วิธีถือโทรศัพท์

คุณสมบัติเหล่านี้มีความเฉพาะตัวสูง ทำให้การยืนยันตัวตนปลอดภัยและง่ายขึ้น เฉพาะผู้ใช้เท่านั้นที่เข้าถึงบัญชีได้ และไม่ต้องจำอะไรเลย ลองนึกภาพการใช้ลายนิ้วมือปลดล็อกบัญชีบนมือถือ เพิ่มระดับความปลอดภัยไปอีกขั้น

2 รหัสใช้ครั้งเดียว (One-time Passcodes, OTPs)

OTP เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับองค์กรส่วนใหญ่ เพราะใช้งานง่ายและผู้ใช้คุ้นเคยดี แทนที่จะใช้รหัสผ่าน ผู้ใช้จะได้รับรหัสชั่วคราวผ่าน SMS, อีเมล หรือแอปยืนยันตัวตน เพื่อนำไปกรอกยืนยันตัวตน

หลายธุรกิจเลือกใช้ OTP เพราะตั้งค่าง่ายและผู้ใช้เข้าใจดี ขั้นตอนนี้ใช้ความพยายามน้อยและให้ประสบการณ์เข้าสู่ระบบที่ลื่นไหล พร้อมกับยังคงความปลอดภัยในระดับที่เชื่อถือได้

3 แอปยืนยันตัวตน (Authenticator Apps)

แอปยืนยันตัวตนจะตรวจสอบผู้ใช้ผ่าน รหัสใช้ครั้งเดียวตามเวลา (Time-based One-time Passwords, TOTPs) โดยจะมีคีย์ลับเฉพาะแสดงบนแอปเป็นเวลาจำกัด ทุก 30-60 วินาที รหัสจะเปลี่ยนใหม่อัตโนมัติ ลดโอกาสโดนขโมยตัวตนหรือเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อดีคือวิธีนี้ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายมือถือก็ใช้งานได้

Magic Links คือ URL เฉพาะที่ให้เข้าถึงบัญชีโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน เมื่อผู้ใช้พยายามเข้าสู่ระบบ ระบบจะส่งลิงก์ไปยังอีเมลหรือ SMS ของผู้ใช้ เพียงคลิกเดียวก็เข้าสู่ระบบได้ทันที ง่ายและสะดวกมาก

5 Passkeys

Passkeys เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและใช้งานง่ายกว่ารหัสผ่านแบบเดิม วิธีนี้ใช้เทคโนโลยี public-key cryptography โดยจะสร้าง private key และเก็บไว้ภายในเครื่องของผู้ใช้อย่างปลอดภัย ส่วน public key จะถูกแชร์กับบริการเพื่อใช้ในการตรวจสอบตัวตน โดย private key จะไม่ออกจากเครื่องเลย เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น

ในการเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้เพียงปลดล็อกอุปกรณ์ด้วย PIN, ลายนิ้วมือ หรือใบหน้า โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน

วิธีการ วิธีการทำงาน ข้อควรพิจารณาหลัก กรณีการใช้งานหลัก
SMS OTP/ลิงก์อีเมล รหัสหรือ ลิงก์จะถูกส่งไปยังโทรศัพท์หรืออีเมลเพื่อเข้าสู่ระบบ เสี่ยงต่อ SIM swapping, phishing, หรือการถูกเข้าถึงอีเมล 2FA เบื้องต้น, แอปที่ความปลอดภัยไม่สูง, การกู้คืนบัญชี
TOTP (แอป Authenticator) แอปสร้างรหัสหมุนเวียน ผู้ใช้ต้องกรอกรหัสเอง ยังต้องใช้รหัสผ่าน อาจถูก phishing หากกรอกในเว็บปลอม 2FA ที่แข็งแรงขึ้นในกรณีที่ยังไม่มี passkey
Email Magic Link ลิงก์เข้าสู่ระบบแบบครั้งเดียว ส่งไปยังอีเมลที่ลงทะเบียน เสี่ยงหากอีเมลถูกเข้าถึงหรือ phishing (คลิกลิงก์ปลอม) เข้าสู่ระบบง่ายสำหรับแอปทั่วไป, จดหมายข่าว
Biometric อุปกรณ์ใช้ลายนิ้วมือ/ใบหน้า/PIN เพื่อปลดล็อกคีย์ภายในเครื่อง ขึ้นกับอุปกรณ์ (ไม่ sync), เสี่ยงหากอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย ปลดล็อกอุปกรณ์, ยืนยันตัวตนในแอป (เช่น แอปธนาคาร)
Passkeys ใช้ biometric หรือ PIN ของอุปกรณ์เพื่อปลดล็อก private key เฉพาะ สำหรับเข้าสู่ระบบที่ปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส เสี่ยงหากอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมยหากไม่มีการป้องกันที่ดี ต้องวางแผนกู้คืนบัญชี มาตรฐานใหม่สำหรับการยืนยันตัวตนออนไลน์ แทนที่รหัสผ่าน

img

EngageLab: ระบบ Login และ Messaging ที่ใช้งานง่าย

  • เข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่าน ผ่าน SMS, อีเมล หรือ WhatsApp
  • ส่งข้อความแบบหลายช่องทาง ครอบคลุมทั้ง SMS, อีเมล, การแจ้งเตือนแบบพุช และ WhatsApp
  • เชื่อมต่อง่าย ด้วย API ที่เรียบง่าย
  • ติดตามแบบเรียลไทม์ ทั้งการส่งและการมีส่วนร่วม

ส่วนที่ 3: การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านทำงานอย่างไร

เป้าหมายหลักของการใช้การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน คือ ทำให้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ก่อนจะได้รับประโยชน์เหล่านี้อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องมีการตั้งค่าบางขั้นตอน

ขั้นตอนแรกคือการระบุตัวตนของผู้ใช้ โดยผู้ใช้ต้องระบุรหัสประจำตัวที่ไม่ซ้ำกัน เช่น ชื่อผู้ใช้หรืออีเมล ในบางกรณี อาจต้องใช้รหัสผ่านเดิมเพียงครั้งเดียวในระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น และหลังจากนั้นจะไม่ต้องใช้รหัสผ่านอีก

เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น วิธีการยืนยันตัวตนนี้จะตรวจสอบผ่านปัจจัยที่ได้ลงทะเบียนไว้และเชื่อถือได้ เช่น การสแกนไบโอเมตริกซ์, การแจ้งเตือนแบบพุช, สมาร์ทโฟนที่ลงทะเบียน, หมายเลขที่ลงทะเบียน, magic link, รหัส OTP ฯลฯ

เมื่อผู้ใช้ยืนยันตัวตนเสร็จสมบูรณ์ เซิร์ฟเวอร์จะตรวจสอบข้อมูล หากผ่านการยืนยัน จะได้รับสิทธิ์เข้าใช้งาน และระบบการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านก็พร้อมใช้งานต่อไป

การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านทำงานอย่างไร

ต่อไปเรามาดูวิธีการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านแต่ละแบบ และหลักการทำงานของแต่ละวิธี

รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) เป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมมากที่สุด ระหว่างการตั้งค่า ผู้ใช้จะลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลไว้ เมื่อเข้าสู่ระบบ ระบบจะส่ง OTP ไปยังช่องทางที่ลงทะเบียนไว้ ผู้ใช้กรอกรหัส OTP จากนั้นระบบจะตรวจสอบเพื่ออนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าใช้งาน

การยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ เป็นอีกทางเลือกที่สะดวก ระหว่างการลงทะเบียน ผู้ใช้จะส่งข้อมูลไบโอเมตริกซ์ เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า เมื่อต้องการเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้ยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลไบโอเมตริกซ์แบบเดียวกัน ระบบจะเปรียบเทียบกับข้อมูลที่บันทึกไว้ และอนุญาตการเข้าใช้งานหากผ่านการตรวจสอบ

Passkeys กำลังได้รับความนิยม เพราะปลอดภัยและใช้งานง่าย วิธีการทำงานจะแตกต่างจากวิธีอื่น เมื่อมีการตั้งค่า passkey ระบบจะสร้างคู่กุญแจเข้ารหัสเฉพาะขึ้นมา โดยกุญแจสาธารณะจะถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ ส่วนกุญแจส่วนตัวจะอยู่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้อย่างปลอดภัย ระหว่างเข้าสู่ระบบ เซิร์ฟเวอร์จะส่ง challenge แบบเข้ารหัสไปยังอุปกรณ์ อุปกรณ์จะเซ็น challenge ด้วยกุญแจส่วนตัว จากนั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจสอบด้วยกุญแจสาธารณะ

แม้อาจต้องใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อซิงค์ passkey ข้ามอุปกรณ์ แต่การสร้างรหัสยืนยันบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อเครือข่าย

ส่วนที่ 4: การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านปลอดภัยหรือไม่

การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านถูกออกแบบมาเพื่อให้กระบวนการทั้งหมดปลอดภัยขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพารหัสผ่านแบบเดิม โปรดทราบว่าไม่มีวิธีการยืนยันตัวตนใดที่ปลอดภัย 100% แต่ก็ยากต่อการถูกเจาะ ความปลอดภัยของแต่ละวิธีขึ้นอยู่กับการนำไปใช้จริง

การยืนยันตัวตนด้วย OTP (One-Time Passcode) เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและปลอดภัยมากที่สุด หากนำไปใช้อย่างถูกต้อง โดยจะส่งรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวไปยังอีเมลหรือโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ มีเพียงผู้ใช้เท่านั้นที่ควรเข้าถึงช่องทางนั้นได้ ปัจจุบันระบบ OTP ได้พัฒนาไปมาก โดยมักใช้รหัสแบบอิงเวลา (TOTP) และการส่งแบบเข้ารหัสเพื่อป้องกันการถูกดักจับหรือใช้ซ้ำ

แม้ OTP จะขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของอีเมลหรือโทรศัพท์ของผู้ใช้ แต่ก็ให้ความสมดุลระหว่างความสะดวกและการปกป้องข้อมูล เมื่อผสานกับปัจจัยอื่น เช่น การรู้จำอุปกรณ์หรือไบโอเมตริกซ์ OTP สามารถเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยสูง

การแจ้งเตือนแบบพุชก็มีหลักการคล้ายกัน โดยจะส่งคำขอเข้าสู่ระบบไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งมีเพียงเจ้าของบัญชีเท่านั้นที่ควรเข้าถึงอุปกรณ์นี้ วิธีนี้จึงถือว่ามีความปลอดภัยเช่นกัน

Magic Link ก็ใช้กระบวนการเดียวกัน โดยจะส่งลิงก์เข้าสู่ระบบแบบใช้ครั้งเดียวไปยังอีเมลของผู้ใช้ เช่นเดียวกับ OTP ความปลอดภัยของวิธีนี้ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของบัญชีอีเมล

PASSKEYS ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกแบบไม่ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยที่สุด เพราะอาศัยคู่กุญแจเข้ารหัส โดยกุญแจส่วนตัวจะไม่ออกจากอุปกรณ์ของผู้ใช้และต้านทานการ phishing ได้ดีมาก PASSKEYS จึงลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีระยะไกลได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย ความปลอดภัยของบัญชีจะขึ้นอยู่กับการป้องกันของอุปกรณ์ เช่น PIN หรือการยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์

ส่วนที่ 5: ข้อดีของการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน

  • ความสะดวก: การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านช่วยให้ผู้ใช้สะดวกขึ้น ทำให้เข้าสู่ระบบได้รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก
  • ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น: ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดียิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องจำรหัสผ่านอีกต่อไป ไม่ต้องกังวลเรื่องลืมหรือจัดการรหัสผ่านที่ซับซ้อน
  • ความปลอดภัยที่เหนือกว่า: ยกระดับความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจาก phishing, การเดารหัสผ่าน, การขโมยรหัสผ่าน และภัยคุกคามทางไซเบอร์อื่น ๆ
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: ลดต้นทุนของธุรกิจจากการรีเซ็ตรหัสผ่านน้อยลง และลดค่าใช้จ่ายในการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์
  • การปฏิบัติตามข้อบังคับที่ดีขึ้น: ช่วยให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ GDPR, CCPA และหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและคู่ค้า

ส่วนที่ 6: ตัวอย่างจริงของการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน

วิธีการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม นี่คือตัวอย่างที่พบเห็นได้จริงในชีวิตประจำวัน

1 แอปธนาคาร

หลายแอปธนาคารเลือกใช้การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านเพื่อให้เข้าสู่ระบบง่ายขึ้นและปลอดภัยขึ้น โดยผู้ใช้มักยืนยันตัวตนผ่าน OTP และเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น หลายธนาคารยังรองรับการยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ เช่น Face ID หรือ Touch ID

นอกจากการเข้าสู่ระบบแล้ว OTP ยังถูกใช้บ่อยในการอนุมัติธุรกรรม รีเซ็ตรหัสผ่าน หรือยืนยันบัญชี

2 บัญชีส่วนตัว (Google, Microsoft ฯลฯ)

แพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่าง Google และ Microsoft มีตัวเลือกแบบไม่ใช้รหัสผ่านหลากหลาย ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบด้วย PIN ของอุปกรณ์, ลายนิ้วมือ หรือสแกนใบหน้า ซึ่งทั้งรวดเร็วและใช้งานง่าย ปัจจุบัน PASSKEYS ก็เริ่มใช้งานได้บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ ทำให้เข้าสู่ระบบข้ามอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน

นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอป Authenticator ที่รองรับการแจ้งเตือนแบบพุชหรือรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวตามเวลา (TOTP) เพื่อความสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

3 แพลตฟอร์ม SaaS

การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ SaaS อย่างแพร่หลาย เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่ายโดยยังคงความปลอดภัย ในขั้นตอนสำคัญ เช่น การสมัครบัญชี มักจะให้ผู้ใช้ยืนยันอีเมลผ่าน Magic Link หรือรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว

ส่วนที่ 7: ทำไม OTP ถึงเป็นวิธีเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดสำหรับการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน

# ความท้าทายในการนำการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านไปใช้จริง

ความเข้ากันได้ทางเทคนิค: การนำการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านไปใช้ มักต้องประเมินความเข้ากันได้กับระบบเดิม ธุรกิจต้องตรวจสอบว่าโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่รองรับวิธีที่เลือกหรือไม่ อาจต้องปรับ backend, เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการยืนยันตัวตน หรืออัปเดตแอปฝั่งลูกค้า

การทำงานร่วมกัน: โซลูชันแบบไม่ใช้รหัสผ่านต้องทำงานได้อย่างราบรื่นในหลายเบราว์เซอร์ อุปกรณ์ และแอปพลิเคชัน เพื่อให้ประสบการณ์ผู้ใช้สม่ำเสมอในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญ

การยอมรับของผู้ใช้: เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการนำไปใช้ ผู้ใช้ต้องได้รับความรู้และความมั่นใจในการเปลี่ยนวิธีการยืนยันตัวตนใหม่ การสื่อสารและแนะนำอย่างชัดเจนจะช่วยให้เปลี่ยนผ่านได้ง่ายและสร้างความเชื่อมั่น

ต้นทุนการนำไปใช้: การนำไปใช้เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนา software ทดสอบ และดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจจึงต้องเตรียมงบประมาณให้เหมาะสม

การปฏิบัติตามข้อบังคับ: ระหว่างการนำไปใช้ ธุรกิจต้องคำนึงถึงมาตรฐานข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละอุตสาหกรรมและภูมิภาค

การสนับสนุนและแก้ไขปัญหา: ผู้ใช้อาจพบปัญหาระหว่างการเริ่มต้นหรือใช้งานปกติ การให้การสนับสนุนที่รวดเร็วและแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความมั่นใจและให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น

# OTP - วิธีที่ใช้งานได้จริงที่สุดสำหรับการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน

เราได้พูดถึงวิธีการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านหลากหลายรูปแบบ แต่ OTP ยังคงเป็นวิธีที่ใช้งานได้จริงที่สุด

ประการแรก ความคุ้นเคยของ OTP ทำให้มีข้อได้เปรียบอย่างมาก ผู้ใช้ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการรับและกรอกรหัสผ่านทาง SMS หรืออีเมลอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับวิธีใหม่ ๆ อย่าง passkey จึงช่วยลดความลังเลและเร่งกระบวนการนำไปใช้

สำหรับธุรกิจ OTP ติดตั้งง่าย ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานน้อยมากและสามารถเชื่อมต่อกับระบบเดิมได้อย่างรวดเร็ว บริการ OTP ที่เชื่อถือได้ สามารถเริ่มใช้งานได้โดยใช้ทรัพยากรการพัฒนาน้อย

OTP เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย เช่น การเข้าสู่ระบบ รีเซ็ตรหัสผ่าน และยืนยันธุรกรรม ผู้ใช้ก็ใช้งานง่าย เพียงรับรหัส กรอก และดำเนินการต่อ

จุดเด่นอีกอย่างคือ OTP ใช้ได้ทั้งแบบเดี่ยวและร่วมกับระบบ multi-factor authentication เมื่อมีการพัฒนาอย่าง TOTP และแอป authenticator ความปลอดภัยก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ด้วยความเรียบง่ายและยืดหยุ่น OTP จึงเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมสำหรับธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน หากคุณกำลังมองหาโซลูชัน OTP นี่คือตัวเลือกที่ควรพิจารณา

# เริ่มต้นกับ EngageLab – แพลตฟอร์ม OTP ที่เชื่อถือได้สำหรับองค์กร

EngageLab – แพลตฟอร์ม OTP ที่เชื่อถือได้สำหรับองค์กร

EngageLab ให้บริการโซลูชัน OTP แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างรหัส ส่งรหัส และตรวจสอบรหัส พร้อมระบบตรวจจับการทุจริตแบบเรียลไทม์ ป้องกันกิจกรรมต้องสงสัยและรักษาความปลอดภัยให้ผู้ใช้จริง

จุดแข็งของ EngageLab คือรองรับหลายช่องทาง OTP สามารถส่งผ่าน SMS, อีเมล, WhatsApp และเสียง หากช่องทางหนึ่งล้มเหลว ระบบจะเปลี่ยนไปใช้ช่องทางสำรองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่ารหัสถึงมือผู้ใช้ทันเวลา

✅จุดเด่น:

  • ติดตั้งรวดเร็วด้วยการเชื่อมต่อผ่าน API
  • ปรับแต่งความยาวรหัส ภาษา ระยะเวลาหมดอายุ และเนื้อหาข้อความได้
  • ส่งรหัสผ่านหลายช่องทาง เช่น SMS, อีเมล, WhatsApp และเสียง
  • ระบบส่งซ้ำอัตโนมัติและ fallback อัจฉริยะ ส่งมอบรหัสสำเร็จมากกว่า 95%
  • รายงานแบบเรียลไทม์ ทั้งการส่ง พฤติกรรมผู้ใช้ และข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุง
  • ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลก พร้อมมาตรฐานความปลอดภัย
  • มีทีมเทคนิคให้บริการ 24x7 แก้ไขปัญหาและตอบคำถาม
  • โมเดลราคาชัดเจน:
  • otp ราคา
ติดต่อฝ่ายขาย

สรุปท้ายบทความ

การยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านช่วยให้การตรวจสอบตัวตนเป็นเรื่องง่ายและไม่กระทบประสบการณ์ผู้ใช้ เพิ่มความปลอดภัยและทำให้การยืนยันตัวตนสะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า หากคุณต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้บริการหรือแอปพลิเคชันของคุณด้วย passwordless authentication ลองใช้ EngageLab ที่มีโซลูชัน OTP ที่แข็งแกร่ง พร้อม TOTP และระบบตรวจจับการทุจริต ติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและเลือกโซลูชันที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ