ใช้ WhatsApp มีค่าใช้จ่ายหรือไม่?
WhatsApp กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ขาดไม่ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและธุรกิจ ข้อดีสำคัญคือมีผู้ใช้งานจำนวนมาก หมายความว่าเกือบทุกคนในรายชื่อของคุณก็น่าจะใช้งานอยู่แล้ว คุณจึงสามารถนำ WhatsApp มาใช้กับธุรกิจได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็ติดตั้งแอปนี้บนอุปกรณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกเรื่อง ราคาของ WhatsApp API ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ เมื่อเข้าใจโครงสร้างค่าใช้จ่ายของแอปส่งข้อความนี้แล้ว คุณจะสามารถตัดสินใจเลือกที่เหมาะกับบริษัทและงบประมาณของคุณได้ดีที่สุด
การใช้งานส่วนตัว vs. ธุรกิจ: เข้าใจโครงสร้างค่าใช้จ่าย
ก่อนอื่น สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ WhatsApp มีรูปแบบการใช้งานที่ต่างกันระหว่างส่วนตัวกับธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อราคาของ WhatsApp Business API ด้วย สำหรับผู้ใช้ทั่วไป WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มฟรี ทุกคนสามารถดาวน์โหลดแอปนี้จาก Apple Store หรือ Play Store ได้ฟรีตามอุปกรณ์ของตัวเอง สามารถส่งข้อความ โทรด้วยเสียงหรือวิดีโอ แชร์สื่อ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นี่คือเหตุผลที่แอปนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ในทางกลับกัน ธุรกิจที่ใช้ WhatsApp สื่อสารกับลูกค้าจะมีค่าใช้จ่ายบางส่วน ขึ้นอยู่กับเครื่องมือและบริการ WhatsApp ที่เลือกใช้ แอปนี้มีโซลูชันสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจแต่ละประเภท จึงมีโครงสร้างราคาของ WhatsApp Business ที่ต่างกัน
- แอป WhatsApp Business
- WhatsApp Business Premium
- WhatsApp Business Platform (API)
Part 1: ข้อมูลสำหรับธุรกิจ – WhatsApp Business Premium & WhatsApp Business API
#1 แอป WhatsApp Business
แอป WhatsApp Business เป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้า โดยเป็นแอปที่ดาวน์โหลดฟรี เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการควบคุมต้นทุน หากคุณมองว่าราคาของ WhatsApp Cloud API สูงเกินงบประมาณ ตัวเลือกนี้ถือเป็นทางออกที่ควรลอง
หากคุณเลือกใช้แอป WhatsApp Business คุณจะได้รับเครื่องมือเหล่านี้:
- โปรไฟล์ธุรกิจ: สร้างโปรไฟล์ธุรกิจพร้อมข้อมูลสำคัญ เช่น ที่อยู่ คำอธิบายธุรกิจ อีเมล และเว็บไซต์
- เครื่องมือส่งข้อความ: มีฟีเจอร์ช่วยส่งข้อความ เช่น การตอบกลับด่วน ข้อความต้อนรับอัตโนมัติ และข้อความขณะไม่อยู่ ช่วยให้สื่อสารกับลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- แค็ตตาล็อก: นำเสนอสินค้า/บริการในแค็ตตาล็อกออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถเข้าชมได้โดยตรงในแอป
#2 WhatsApp Business Premium
หากคุณต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมแต่ยังกังวลเรื่องงบประมาณของราคาของ WhatsApp Business API คุณสามารถลองใช้ WhatsApp Business Premium ซึ่งเป็นการอัปเกรดจากแอป WhatsApp Business แบบสมัครสมาชิก เมื่อสมัคร WhatsApp Business Premium แล้ว คุณจะได้รับฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติมดังนี้:
- เพิ่มจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้: หากใช้ Premium คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 10 เครื่อง เหมาะสำหรับบริษัทที่มีทีมขนาดเล็กและต้องการให้หลายคนดูแลการสื่อสารกับลูกค้าพร้อมกัน
- ลิงก์สั้นแบบกำหนดเอง: คุณสามารถสร้างลิงก์สั้นเฉพาะสำหรับธุรกิจ เพื่อนำลูกค้าไปยังโปรไฟล์ธุรกิจของคุณโดยตรง ช่วยให้บัญชีดูเป็นมืออาชีพและเสริมสร้างการจดจำแบรนด์
อย่างไรก็ตาม WhatsApp Business Premium ยังไม่เปิดให้บริการในทุกภูมิภาค หากสนใจสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่ การตั้งค่า > Premium แล้วเริ่มทดลองใช้ฟรีหรือสมัครสมาชิกได้เลย
ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2026 เป็นต้นไป WhatsApp Business Premium จะถูกรวมไว้ใน Meta Verified และราคาของ WhatsApp Business จะอ้างอิงตามนี้ด้วย
#3 WhatsApp Business Platform (API)
ตัวเลือกสองแบบแรกเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก แต่ถ้าคุณมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และต้องการฟีเจอร์ที่มากกว่า WhatsApp Business Platform คือคำตอบ API ตัวนี้ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการความสามารถขั้นสูง โดยราคาของ WhatsApp cloud API จะรวมฟีเจอร์เหล่านี้ไว้:
- ความสามารถในการเชื่อมต่อระบบ: จุดเด่นคือสามารถผสาน WhatsApp เข้ากับระบบธุรกิจเดิม เช่น ระบบ CRM หรือเครื่องมือบริหารจัดการลูกค้าอื่น ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ
- ระบบอัตโนมัติและรองรับการขยายขนาด: ตั้งค่าเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติและใช้ chatbot เพื่อช่วยจัดการการสื่อสารจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความปลอดภัยขั้นสูง: ข้อมูลได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสแบบ end-to-end มั่นใจได้ว่าการสื่อสารกับลูกค้าปลอดภัยตลอดเวลา
สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ WhatsApp Business Platform ไม่มีอินเทอร์เฟซของตัวเอง คุณจึงควรเชื่อมต่อผ่าน Business Solution Provider (BSP) เช่น EngageLab ซึ่งจะช่วยผสานระบบและให้รายละเอียดราคาของ WhatsApp Business API ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
เปรียบเทียบโซลูชัน WhatsApp Business
ข้อมูลทั้งหมดนี้อาจดูซับซ้อนในตอนแรก เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เราได้สรุปตารางเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละโซลูชัน WhatsApp Business ทั้ง 3 แบบไว้ให้แล้ว
| การจัดประเภท | WhatsApp Business App | WhatsApp Business Premium | WhatsApp Business API |
|---|---|---|---|
| เหมาะสำหรับ | ธุรกิจขนาดเล็ก | ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง | ธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ |
| ค่าใช้จ่าย | ฟรี | คิดค่าบริการแบบสมัครสมาชิก | ราคาของ WhatsApp API แตกต่างกันตาม BSP |
| จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ | 1 อุปกรณ์หลัก และ 4 อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ | เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์ | ปรับแต่งได้ตามต้องการ |
| การปรับแต่ง | ตัวเลือกจำกัด | ลิงก์สั้น | ปรับแต่งได้หลากหลาย |
| ระบบอัตโนมัติ | พื้นฐาน เช่น การตอบกลับด่วน | ขั้นสูงขึ้น | ขั้นสูง เช่น ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติและ chatbot |
| การใช้งานในอุตสาหกรรม | ร้านค้าในท้องถิ่น, สตาร์ทอัพ | ธุรกิจที่กำลังเติบโต | องค์กรที่มีเครือข่ายทั่วโลก, ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีจำนวนผู้ติดต่อมาก |
Part 2: การเปลี่ยนแปลงราคาของ WhatsApp Business ในปี 2026
หากคุณต้องการศึกษาราคาของ WhatsApp Business API ควรพิจารณาการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ Meta ได้ประกาศไว้ ซึ่งจะเริ่มมีผลในปี 2026 โดย Meta จะเปลี่ยนโมเดลการคิดค่าบริการ WhatsApp API จากแบบคิดค่าบริการต่อการสนทนา เป็นการคิดค่าบริการต่อข้อความที่ส่ง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น และสอดคล้องกับการใช้งานจริงของแต่ละธุรกิจ
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง
- การคิดค่าบริการต่อข้อความ: ธุรกิจจะถูกคิดค่าบริการตามจำนวนข้อความที่ส่ง แทนการคิดค่าบริการแบบรายเซสชั่นการสนทนา การเปลี่ยนแปลงนี้ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับธุรกิจที่มีปริมาณข้อความแตกต่างกัน และช่วยให้ควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
- อัตราค่าบริการตามประเภทข้อความ: อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือการกำหนดอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันตามประเภทของข้อความ (เช่น ข้อความการตลาด ข้อความยืนยันตัวตน ข้อความบริการ ข้อความยูทิลิตี้) เพื่อให้ธุรกิจสามารถบริหารต้นทุนได้เหมาะสมกับกลยุทธ์การส่งข้อความของตนเอง
โมเดลราคาของ WhatsApp API แบบใหม่นี้ หมายถึงอะไรในทางปฏิบัติ?
ในฐานะธุรกิจ คุณควรตระหนักถึงราคาของ WhatsApp cloud API เพื่อวางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโมเดลใหม่ที่คิดค่าบริการต่อข้อความนี้ คุณจะถูกคิดค่าบริการดังนี้:
- ต่อข้อความที่ส่งสำเร็จในเทมเพลตการตลาด
- ต่อข้อความที่ส่งสำเร็จในเทมเพลตยืนยันตัวตน
- ต่อข้อความที่ส่งสำเร็จในเทมเพลตยูทิลิตี้
- ข้อความเทมเพลตบริการ (Service) ส่งฟรีภายใน 24 ชั่วโมง
หมวดหมู่ของการสนทนามีอะไรบ้าง?
เพื่อคำนวณราคาของ WhatsApp Business แบบใหม่ คุณควรทราบหมวดหมู่ของการสนทนาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย:
- การตลาด: การสื่อสารที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายและติดตามลูกค้าเดิม
- ยูทิลิตี้: โดยปกติจะเป็นข้อความติดตามผลจากคำขอของลูกค้า เช่น การแจ้งเตือนการชำระเงิน หรือข้อความยืนยันการสมัครรับข่าวสาร
- การยืนยันตัวตน: ข้อความประเภทนี้ใช้สำหรับให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่านแบบครั้งเดียว (OTP)
- บริการ: เกี่ยวข้องกับการตอบคำถามหรือข้อสงสัยของลูกค้าที่ต้องการการแก้ไขปัญหา
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มใช้เมื่อไหร่?
Meta จะทยอยปรับเปลี่ยนโมเดลราคาของ WhatsApp Business API โดยธุรกิจในกลุ่ม Phase 1 จะเริ่มใช้อัตราค่าบริการต่อข้อความตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2026 เป็นต้นไป ส่วนธุรกิจที่เหลือจะเข้าสู่ Phase 2 และจะถูกปรับไปใช้อัตราใหม่นี้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ทุกธุรกิจจะได้รับอีเมลแจ้งจาก Meta ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม 2026 เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนเองอยู่ใน Phase ใด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Meta Whatsapp API Pricing
.Part 3: วิธีลดต้นทุนการส่งข้อความ WhatsApp อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะมีโมเดลราคาของ WhatsApp API แบบใหม่ คุณก็ยังสามารถหาวิธีประหยัดงบประมาณได้ ในส่วนนี้เราขอแนะนำแนวทางปฏิบัติจริงที่จะช่วยลดต้นทุนการส่งข้อความ WhatsApp ของธุรกิจคุณ
#1 ใช้ระบบอัตโนมัติและ Chatbots
Chatbot มีประสิทธิภาพสูงในการตอบคำถามซ้ำ ๆ โดยไม่ต้องใช้พนักงาน และยังให้ข้อมูลที่ลูกค้าต้องการได้อย่างครบถ้วน วิธีนี้ช่วยลดจำนวนข้อความที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหา ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกใช้ generative AI chatbot เพื่อช่วยดูแลงานบริการลูกค้า
#2 ปรับกลยุทธ์การใช้ประเภทข้อความให้เหมาะสม
จากที่เราได้เห็นในโครงสร้างราคาของ WhatsApp Business หมวดหมู่ของการสนทนา (conversation categories) มีบทบาทสำคัญต่อค่าใช้จ่าย ดังนั้น การเลือกหมวดหมู่ข้อความที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณลดต้นทุนได้ ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้ข้อความยืนยันตัวตน (authentication messages) แทนข้อความการตลาด (marketing messages) จะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของคุณอย่างมาก เนื่องจากอัตราค่าบริการแตกต่างกัน
#3 ใช้งาน Bulk Messaging อย่างชาญฉลาด
การส่งข้อความจำนวนมาก (Bulk messaging) เป็นกลยุทธ์ที่หลายบริษัทเลือกใช้ เพราะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าจำนวนมากในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ควรวางแผนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงเกินไป สองกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยคุณได้คือ การปรับแต่งข้อความเฉพาะบุคคล (personalization) และการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ (contact segmentation)
#4 สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเชิงรุก
เนื่องจากโมเดลราคาของ WhatsApp cloud API แบบใหม่ คิดค่าบริการตามจำนวนข้อความ คุณควรพยายามลดจำนวนข้อความในแต่ละการสื่อสาร โดยการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนตั้งแต่ต้น เพื่อลดความจำเป็นในการส่งข้อความติดตามผล วิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนในระยะยาว
#5 ร่วมมือกับผู้ให้บริการโซลูชัน WhatsApp Business
ในคู่มืออีกฉบับหนึ่ง เราได้สำรวจแง่มุมต่าง ๆ ของ WhatsApp Business BSP และ แนะนำผู้ให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อให้คุณสามารถเลือกผู้ให้บริการโซลูชัน WhatsApp Business ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า
การเลือก BSP ที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของประสิทธิภาพและต้นทุนโดยรวมของกลยุทธ์ WhatsApp ของคุณ การร่วมงานกับ BSP อย่าง EngageLab จะช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า
Part 4: วิธีเลือกโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ
EngageLab ซึ่งเป็น Meta Business Partner ที่ได้รับการรับรอง มอบโซลูชันที่ครบวงจรที่สุดในการเชื่อมต่อ WhatsApp Business API พร้อมเครื่องมือการสื่อสารแบบ Omnichannel ที่ทรงพลัง ด้วยฐานผู้ใช้ WhatsApp กว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก นี่คือจุดเด่นที่ทำให้เราแตกต่าง:
-
1
ราคาชัดเจนและแข่งขันได้
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง: เราคิดค่าบริการเฉพาะอัตราทางการของ Meta สำหรับการส่งข้อความเท่านั้น ไม่มีค่า setup หรือค่าบริการแพลตฟอร์มเพิ่มเติม
- แพ็กเกจยืดหยุ่น: เลือกแพ็กเกจตามปริมาณข้อความที่ต้องการ (เช่น จ่ายตามการใช้งานจริง หรือแพ็กเกจแบบองค์กร)
- ควบคุมต้นทุน: ราคาปรับตามนโยบาย Meta ปี 2026 (เช่น คิดค่าบริการตามจำนวนข้อความ) มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่จ่ายเกินจริง
-
2
ฟีเจอร์ WhatsApp API ที่ขยายขนาดได้
รองรับการสนทนากับลูกค้าไม่จำกัดผ่าน Chatbot และการแจ้งเตือนแบบกลุ่ม ซิงก์ WhatsApp กับระบบของคุณเองเพื่อการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียว พร้อมอนุมัติข้อความการตลาด/ข้อความบริการล่วงหน้า ให้สอดคล้องกับนโยบายของ Meta -
3
ช่วยเหลือด้านการปฏิบัติตามกฎข้อมูลระดับโลก
EngageLab รับประกันว่าการสื่อสาร WhatsApp ของคุณเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับสากล (เช่น GDPR, CCPA, CPRA) สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือทั้งด้านเทคโนโลยีและกระบวนการ พร้อมเทมเพลตข้อความที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าในแต่ละภูมิภาค และรองรับการเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลตามความต้องการธุรกิจ (รองรับการติดตั้งหลายจุดในยุโรป อเมริกา และเอเชีย) มั่นใจว่าตอบโจทย์ข้อกำหนด cross-border data localization! -
4
กลยุทธ์สำรองแบบ Omnichannel: ไม่พลาดทุกข้อความจากลูกค้า
เมื่อ WhatsApp ส่งข้อความไม่สำเร็จ (เช่น ลูกค้า opt-out, ปัญหาเครือข่าย) ระบบ Smart Fallback ของ EngageLab จะสลับไปใช้ช่องทางสำรองโดยอัตโนมัติ EngageLab ไม่ใช่แค่ WhatsApp BSP เท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารที่ช่วยให้คุณสร้างหลายช่องทางติดต่อกับลูกค้าได้ในที่เดียว พร้อมต่อยอดสู่การตลาดแบบ Omnichannel อย่างแท้จริง ได้แก่: SMS, การแจ้งเตือนในแอป, การแจ้งเตือนบนเว็บ, อีเมล.
สรุปใจความสำคัญ
หากคุณเข้าใจโมเดลราคาของ WhatsApp API ใหม่ จะช่วยให้ประเมินได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงนี้เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่ แพลตฟอร์มอย่าง EngageLab เปิดโอกาสให้คุณทดลองใช้หลายช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าและวางกลยุทธ์ประหยัดต้นทุน สมัครใช้งาน EngageLab วันนี้เพื่อทดลองฟรี!







