แผนการส่งข้อความ (Push Plan) + การส่งข้อความอัจฉริยะ (Smart Push) แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

1. ภาพรวมฟีเจอร์

EngageLab ได้นำเสนอฟีเจอร์หลัก 2 อย่าง เพื่อช่วยนักพัฒนาสร้างระบบการจัดการการส่งข้อความที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น:

แผนการส่งข้อความ (Push Plan):

• ใช้สำหรับระบุและจัดการชุดงานส่งข้อความที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และติดตามผลในระดับสถิติและการดำเนินงานได้อย่างเป็นระบบ วิธีใช้งานบนคอนโซลดูได้ที่ แผนการส่งข้อความ และรายละเอียด API ที่ Push Plan API

การส่งข้อความอัจฉริยะ (Smart Push):

• ฟีเจอร์พิเศษจาก EngageLab ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มอัตราการคลิกแจ้งเตือน ทุกครั้งที่ผู้ใช้เข้าชมบริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปที่ติดตั้ง EngageLab SDK ระบบจะติดตามเวลาที่ผู้ใช้เคยใช้งานล่าสุด และบันทึกข้อมูลเหล่านี้ จากนั้นจะส่งข้อความแจ้งเตือนในเวลาที่เหมาะสมตามเขตเวลาของผู้ใช้แต่ละรายและพฤติกรรมการใช้งานที่ผ่านมา สำหรับผู้ใช้ใหม่ที่ยังไม่มีข้อมูลย้อนหลัง สามารถเลือกส่งทันที หรือกำหนดเวลาส่งตามเขตเวลาของผู้ใช้ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกผู้ใช้เป้าหมายจะได้รับข้อความในเวลาที่เหมาะสม

• เอกสาร API การใช้งาน Smart Push ดูได้ที่ Scheduled Tasks API โดยใช้ตัวทริกเกอร์ intelligent ซึ่งจะช่วยส่งข้อความในเวลาที่เหมาะสมตามเขตเวลาท้องถิ่นของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มอัตราการคลิก

2. กรณีใช้งานทั่วไปและแนวทางปฏิบัติที่แนะนำ

✅ กรณีที่ 1: กิจกรรมโปรโมชั่นอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ (เช่น เทศกาล 11.11)

เป้าหมาย: ส่งข้อความแจ้งเตือนสินค้าขายดีและโปรโมชั่นลดราคาในระยะเวลา 5 วัน พร้อมจัดการเวลาส่งแบบเฉพาะเจาะจงให้เหมาะสมกับแต่ละผู้ใช้

ขั้นตอนการปฏิบัติ:

1. สร้างแผนการส่งข้อความด้วยคำสั่ง POST /v4/push_plan เช่น plan_id=promo_1111_2025
2. สำหรับแต่ละข้อความโปรโมชั่น ใช้ POST /v4/schedules เพื่อ สร้างตารางงานส่งข้อความ เปิดใช้งาน trigger.intelligent และตั้งค่า backup_time
3. กำหนดค่า plan_id ในฟิลด์ options.plan_id เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และติดตามผล
4. ใช้ Push Plan Statistics API เพื่อดูข้อมูลสถิติและผลลัพธ์ในช่วงเวลาที่กำหนด พร้อมข้อมูลแยกตามแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการ และประเภทข้อความ

✅ กรณีที่ 2: แอปโซเชียลมัลติภาษา สำหรับตลาดต่างประเทศ

เป้าหมาย: ส่งข้อความ “แจ้งเตือนกลับมาใช้งาน” และ “แจ้งฟีเจอร์ใหม่” โดยปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับภูมิภาคและเขตเวลาของผู้ใช้แต่ละคน

แนวทางปฏิบัติ:

1. ใช้ tag หรือ registration_id เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามภูมิภาคอย่างแม่นยำ (เช่น US, IN, PH)
2. ในงานส่งข้อความเดียวกัน ใช้ options.multi_language เพื่อตั้งค่าข้อความหลายภาษา ระบบจะเลือกแสดงข้อความตามภาษาบนอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ พร้อมเปิดใช้งาน intelligent scheduler เพื่อส่งในเวลาที่เหมาะสม
3. กำหนด plan_id ใน options.plan_id เพื่อการวิเคราะห์และติดตามผลของแคมเปญ

3. ขั้นตอนการใช้งาน API อย่างละเอียด

1. สร้างแผนการส่งข้อความ (Push Plan)

              
              POST /v4/push_plan
Authorization: Basic base64(appKey:masterSecret)
Content-Type: application/json

{
  "plan_id": "promo_1111_2025",
  "plan_description": "แผนการส่งข้อความโปรโมชั่น 11.11"
}

            

2. สร้างงานส่งข้อความอัจฉริยะ (Smart Push) และผูกกับแผน

              
              POST /v4/schedules
Authorization: Basic base64(appKey:masterSecret)
Content-Type: application/json

{
  "name": "promo_1111_reminder_01",
  "enabled": true,
  "trigger": {
    "intelligent": {
      "backup_time": "2025-11-10 09:00:00"
    }
  },
  "push": {
    "from": "push",
    "to": {
      "registration_id": [
        "regId_userA", "regId_userB"
      ]
    },
    "body": {
      "platform": "android",
      "notification": {
        "alert": "ลดราคาสินค้ารอบด่วน รีบซื้อเลย!",
        "android": {
          "title": "โปรโมชั่นพิเศษ 11.11",
          "extras": {
            "promo": "1111"
          }
        }
      },
      "options": {
        "plan_id": "promo_1111_2025",
        "time_to_live": 86400
      }
    },
    "request_id": "req_1111_01",
    "custom_args": {
      "task": "reminder_01"
    }
  }
}

            

3. ตรวจสอบสถิติการส่งข้อความโดยใช้ plan_id

4. สรุปแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน API โปรดดูเอกสาร EngageLab หรือติดต่อทีมสนับสนุนที่ support@engagelab.com