สร้างการพุช
📌 บทความนี้มีวัตถุประสงค์
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำผู้ใช้เกี่ยวกับวิธีสร้างงาน Push รูปแบบต่าง ๆ บน Engagelab Console โดยครอบคลุมกระบวนการทั้งหมดสำหรับ Notification Message, Custom Message และ In-App Message เนื้อหาต่อไปนี้จะอธิบายขั้นตอนการสร้าง การกำหนดค่า Parameter และข้อควรระวังของข้อความแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตั้งค่าภารกิจ Push ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ Create a Notification Message
เข้าไปที่ [Push] - [Create Push] - [Create a Notification Message] เพื่อสร้างงาน Push การกำหนดค่า Parameter มีดังนี้:
🔹 Basic Settings
Title: ชื่อเรื่องของข้อความที่จะ Push แนะนำให้หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ไม่มีความหมาย เช่น “test” หรือเป็นตัวเลขล้วน เพราะอาจถูกผู้ผลิตอุปกรณ์บล็อกและไม่สามารถส่งถึงผู้ใช้ได้
Content: เนื้อหาของข้อความที่จะ Push ควรหลีกเลี่ยงคำว่า test หรือใช้ตัวเลขเพียงอย่างเดียว มิฉะนั้นอาจถูกบล็อก
- รองรับการเพิ่มหัวข้อและเนื้อหา Push หลายภาษา: ระบบจะตรวจสอบภาษาอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทางโดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ตั้งค่าอื่น ผู้ใช้เป้าหมายทั้งหมดจะได้รับเนื้อหาตามการตั้งค่า [default]
- รองรับการแปลด้วย AI แบบคลิกเดียว
Target People: AppPush รองรับหลายวิธีในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้พัฒนาและผู้ปฏิบัติการเข้าถึงผู้ใช้ได้ตรงตามความต้องการทางธุรกิจ
- All: ส่งข้อความถึงผู้ใช้ทั้งหมดที่ลงทะเบียนแล้วและผู้ใช้ใหม่ในอนาคตที่ออนไลน์บนแอป
- Registration ID: Push ได้สูงสุดครั้งละ 1,000 IDs โดยใส่ด้วยมือหรืออัปโหลดไฟล์ txt
- Device Tag: ใช้ Tag ของอุปกรณ์เพื่อกรองกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้วิธี Union, Intersection หรือ Complement ก็ได้
- Device Alias: ส่ง Push ไปยังอุปกรณ์เฉพาะเจาะจง โดยใส่ Alias ด้วยมือหรืออัปโหลดไฟล์ txt
- User Segmentation: แบ่งผู้ใช้ที่มี Tag เดียวกันเป็นกลุ่มตามกฎการแบ่งกลุ่ม จากนั้นเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อส่ง Push แบบเจาะจง
Sending Time: เลือกเวลาสำหรับส่งข้อความ
- Immediately: ส่งข้อความทันที
- Scheduled: ตั้งเวลาส่งตามเวลาขององค์กรหรือเวลาของผู้ใช้
- Loop: ตั้งให้ Push แบบวนซ้ำตามช่วงเวลาอัตโนมัติ
- Smart Push: เมื่อผู้ใช้เข้าใช้งานเว็บไซต์หรือแอปที่ติดตั้ง EngageLab SDK ระบบจะติดตามเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานล่าสุดและส่งการแจ้งเตือนตามนิสัยการใช้งานและ Time Zone ของผู้ใช้
Constant speed push: กระจาย Push ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดเพื่อลดโหลดบนเซิร์ฟเวอร์
🔹 Advanced Options (Optional)
ส่วนนี้เป็นการกำหนดค่าแบบขั้นสูง สามารถปรับตามความต้องการทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ Push และประสบการณ์ผู้ใช้ได้
Push Plan Identifier คุณสามารถตั้งชื่อแผน Push เพื่อจัดกลุ่ม Push ทั้งชุดภายใต้ Identifier เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์สถิติและประสิทธิภาพภายหลัง
Message Type เลือกได้ระหว่าง "Operational Message" หรือ "System Message" ระบบจะเลือกวิธีการส่งให้เหมาะสมกับ Vendor Channel อัตโนมัติ
- System Message: เหมาะกับข้อความเชิงบริการ เช่น การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีหรือการบำรุงรักษาระบบ มักจะไม่ถูกจำกัดโควตา
- Operational Message: เหมาะกับการตลาดหรือแคมเปญ มักถูกจำกัดโควตา Push
Time To Live กำหนดระยะเวลาสำหรับเก็บข้อความ Offline หากผู้ใช้ไม่ออนไลน์ ระบบจะเก็บข้อความไว้และ Push ให้เมื่อผู้ใช้ออนไลน์ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากหมดอายุแล้วจะไม่ส่ง
- ค่าเริ่มต้นคือ 1 วัน
- หากตั้งค่าเป็น 0 จะไม่เก็บ Offline Messages หมายถึงจะ Push เฉพาะผู้ใช้ที่ออนไลน์เท่านั้น
Additional Fields ใช้สำหรับฝั่ง Client เพื่อจัดการ Event แบบ Custom สามารถเพิ่มหรือลบ Fields ตามความต้องการธุรกิจได้
Silent Notification เปิดใช้งานเพื่อปิดการสั่น เสียง หรือการปลุกหน้าจอ ลดการรบกวนผู้ใช้
Message Sending Strategy เลือกวิธีการจัดส่งการแจ้งเตือน:
- System Channel Distribution: ส่งได้แม้ Browser Process ทำงานอยู่เบื้องหลัง ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าเว็บไซต์
- EngageLab Channel Distribution: ส่งผ่าน WebSocket ของ EngageLab ผู้ใช้ต้องเปิดหน้าเว็บไซต์
Notification Icon ใส่ Path เพื่อ Preview ไอคอนแจ้งเตือนแบบ Custom
- ขนาดแนะนำ: 192 × 192 px
- ขนาดไฟล์สูงสุด: 1M
- รองรับ JPG, PNG, GIF
- Browser ที่รองรับ: Chrome, Firefox, Opera, Edge
- ไฟล์ภาพต้องเป็น Resource ที่ขึ้นต้นด้วย http หรือ https
Notification Picture ใส่ Path เพื่อ Preview ภาพแจ้งเตือนแบบ Custom
- ขนาดแนะนำ: 360 × 180 px
- ขนาดไฟล์สูงสุด: 1M
- รองรับ JPG, PNG, GIF
- รองรับบน Windows Platform สำหรับ Chrome, Opera, Edge
- ไฟล์ภาพต้องเป็น Resource ที่ขึ้นต้นด้วย http หรือ https
🔹 Preview
รูปตัวอย่าง Preview จะปรากฏด้านขวาของหน้า หลังจากตั้งค่า Push เสร็จแล้ว ให้คลิก "Preview" เพื่อดูตัวอย่าง
เมื่อยืนยันพารามิเตอร์แล้ว คลิก "Confirm" เพื่อสร้างภารกิจ Push สำเร็จ
หากไม่มีกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามเงื่อนไข จะมี Error ดังนี้:
好的!接下来是第二部分的完整泰语翻译稿,保留所有专有名词和示例,直接可以放进开发者文档使用:
✅ Create a Custom Message
ไปที่หน้า [Create a Push] - [Custom Message] เพื่อสร้างงาน Push สำหรับ Custom Message การกำหนดค่า Parameter มีดังนี้:
🔹 Basic Settings
Content: เนื้อหาของข้อความที่จะ Push ควรหลีกเลี่ยงคำที่ไม่มีความหมาย เช่น test หรือใช้ตัวเลขเพียงอย่างเดียว มิฉะนั้นอาจถูกผู้ผลิตบล็อกและไม่สามารถส่งถึงได้
- รองรับการเพิ่มหัวข้อและเนื้อหา Push หลายภาษา: ระบบจะตรวจสอบภาษาอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทางโดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ตั้งค่าอื่น ผู้ใช้เป้าหมายทั้งหมดจะได้รับเนื้อหาตามการตั้งค่า [default]
- รองรับ AI One-Click Translation
Target People: อ้างอิงตามวิธีใน Create Notification Message
Sending Time: อ้างอิงตามวิธีใน Create Notification Message
🔹 Advanced Options (Optional)
ส่วนนี้เป็นการตั้งค่าเพิ่มเติมแบบเลือกได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้
Push Plan Identifier คุณสามารถตั้งชื่อแผน Push เพื่อจัดกลุ่ม Push ทั้งชุดภายใต้ Identifier เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์สถิติและประสิทธิภาพภายหลัง
Message Type เลือกได้ระหว่าง "Operational Message" หรือ "System Message" ระบบจะเลือกวิธีจัดส่งให้เหมาะสมกับ Vendor Channel อัตโนมัติ
- System Message: เหมาะกับสถานการณ์การบริการและมักไม่ถูกจำกัดโควตา
- Operational Message: เหมาะกับการตลาดหรือการใช้งานเชิงธุรกิจ มักถูกจำกัดโควตา Push
Time To Live เมื่อผู้ใช้ไม่ได้ออนไลน์ ระบบจะเก็บข้อความเป็น Offline Message และจัดส่งเมื่อผู้ใช้ออนไลน์ในครั้งต่อไป
- คุณสามารถกำหนดระยะเวลาเก็บข้อความได้ตามต้องการ หากหมดอายุจะไม่จัดส่ง
- ค่าเริ่มต้นคือ 1 วัน หากตั้งค่าเป็น 0 หมายถึงจะไม่เก็บ Offline Message และส่งได้เฉพาะผู้ใช้ที่ออนไลน์เท่านั้น
Additional Fields ใช้สำหรับฝั่ง Client เพื่อจัดการ Event แบบ Custom สามารถเพิ่มหรือลบ Fields ตามความต้องการได้
✅ In-App Message
ไปที่หน้า [Push] - [Create Push] - [In-App] เพื่อสร้างภารกิจ Push การกำหนดค่ามีดังนี้:
🔹 Basic Settings
Message Name: จำเป็นต้องกรอก จำกัดไม่เกิน 20 ตัวอักษร
Sending Platform: รองรับเฉพาะ Web
Target Users: EngageLab Push Platform รองรับหลายวิธีในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้พัฒนาและผู้ปฏิบัติการเข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ สำหรับการทดสอบ แนะนำให้ใช้ Registration ID ที่ได้จาก Log
- All: ส่งข้อความถึงผู้ใช้ทั้งหมดที่ลงทะเบียนแล้วและผู้ใช้ใหม่ในอนาคตที่ออนไลน์บนแอป
- Registration ID: ระบุอุปกรณ์ได้สูงสุด 1000 ID ต่อครั้ง โดยใส่ด้วยมือหรืออัปโหลดไฟล์ txt
- Device Tag: ใช้ Tag ของอุปกรณ์เพื่อกรองกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้วิธี Union, Intersection หรือ Complement
- Device Alias: ส่ง Push ไปยังอุปกรณ์ที่ระบุโดยตรง โดยใส่ Alias ด้วยมือหรืออัปโหลด
- Segment: แบ่งผู้ใช้ที่มี Attribute เดียวกันเป็นกลุ่มตามกฎการแบ่งกลุ่ม แล้วเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
🔹 Message Content
Text and Image
Content: ใส่เนื้อหาข้อความ ตั้งค่า Title (ถ้ามี) และ Body ตามต้องการ
Add Languages: รองรับการเพิ่มหัวข้อและเนื้อหา Push หลายภาษา: ระบบจะตรวจสอบภาษาอุปกรณ์ผู้ใช้ปลายทางโดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ตั้งค่าอื่น ผู้ใช้เป้าหมายทั้งหมดจะได้รับเนื้อหาตามการตั้งค่า [default]
Font Settings: ในส่วนการแก้ไข Title และเนื้อหา รองรับการจัดรูปแบบ Rich Text เบื้องต้น เช่น ตัวหนา (B), ตัวเอียง (T), การจัดตำแหน่ง (≡), ขนาดตัวอักษร (A), ขีดเส้นใต้ (U)
Image: ใส่ URL ของรูปภาพและเลือกการทำงานเมื่อคลิกรูป
Click Setting: เลือกว่าจะเปิด URL Link หรือไม่ Common Use เช่น:
- ใช้ Web Link หรือ Deep Link เพื่อพาผู้ใช้ไปหน้าอื่น
- ใช้ Push Guidance ถ้าผู้ใช้เคยปฏิเสธการอนุญาต Native Prompt ให้คลิกเปิด Settings ของอุปกรณ์ (In-App Message นี้จะไม่แสดงกับผู้ใช้ที่อนุญาตแล้ว)
Content และ Image เลือกใช้งานได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือใช้ร่วมกันได้ 3 แบบ:
แบบที่ 1: Text Content
แบบที่ 2: Image Content
แบบที่ 3: Text และ Image Content
🔹 Button
สำหรับการสาธิต จะใช้ตัวอย่างจาก "ข้อความ Text และ Image" ในส่วน Message Content โปรดเน้นการเปลี่ยนแปลงที่การตั้งค่าของปุ่ม
Main Button:
Main Button Text: ตั้งค่าเนื้อหาของปุ่มหลัก สามารถตั้งค่าเป็นตัวหนา ขนาดตัวอักษร สีตัวอักษร (สามารถกรอกค่าสีได้เอง) และสีของปุ่ม (สามารถกรอกค่าสีได้เอง)
Click Setting: ตั้งค่า URL ที่จะเปิดเมื่อคลิกปุ่มหลัก หากต้องการให้มีการเปลี่ยนเส้นทาง ให้กรอก URL ของหน้าเว็บไซต์ หากไม่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางให้เลือก "No Action"
Secondary Button:
- Optional: ตั้งค่าปุ่มรอง (Secondary Button)
- Secondary Button Text: ตั้งค่าเนื้อหาของปุ่มรอง สามารถตั้งค่าเป็นตัวหนา ขนาดตัวอักษร และสีของตัวอักษร (สามารถกรอกค่าสีได้เอง)
- Click Setting: เช่นเดียวกับปุ่มหลัก
Close Button:
- สามารถเลือกตำแหน่งของปุ่มปิด (Close) บน Popup ได้ที่มุมขวาบนหรือกลางล่าง
ต้องมีการตั้งค่าปุ่มอย่างน้อยหนึ่งปุ่ม สามารถสร้างปุ่มได้ 3 ประเภท ดังนี้:
แบบที่ 1: ตั้งค่าปุ่มเท่านั้น ไม่มีปุ่มปิด
(เมื่อส่งข้อมูลการตลาดหรือโฆษณา โปรดให้แน่ใจว่าหน้าจอมีฟังก์ชั่นปิดที่สามารถคลิกได้)
แบบที่ 2: ตั้งค่าปุ่มปิดเท่านั้น ไม่มีปุ่มการทำงาน
แบบที่ 3: ตั้งค่าทั้งปุ่มปิดและปุ่มการทำงาน
🔹 HTML Edit
ในพื้นที่การแก้ไขเนื้อหาข้อความด้านขวา คุณสามารถสลับระหว่างโหมด "Template Editing" และ "HTML Editing" ผ่านเมนูแบบหล่นลง Template Editing เหมาะสำหรับการจัดรูปแบบเนื้อหาแบบ Visual ในขณะที่ HTML Editing ช่วยให้คุณสามารถเขียนและปรับแต่งโค้ด HTML ของข้อความโดยตรงเพื่อให้ตรงกับความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น
Real-time Preview: ในโหมด HTML Editing ให้คลิก "Preview" เพื่อดูผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ของเนื้อหาที่ปรับแต่งในด้านขวา ช่วยให้คุณตรวจสอบและปรับแต่งสไตล์ของข้อความได้อย่างรวดเร็ว ตามที่แสดงในภาพคือ ตัวอย่างเริ่มต้นจากระบบ:
Applicable Scenarios: HTML Editing เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนา Front-end เพื่อให้สามารถแสดงผลข้อความที่ปรับแต่งได้อย่างละเอียด หากต้องการเพียงการส่งเนื้อหาปกติแนะนำให้ใช้ Template Editing
🔹 Sending Time
- Send Immediately: ส่งข้อความทันที
- Send at a scheduled time: ตั้งเวลาส่งตามเวลาขององค์กรหรือเวลาของผู้ใช้ปลายทาง
- Constant Speed Push: ทำการ Push ภายในเวลาที่กำหนดเพื่อลดแรงกดดันบนเซิร์ฟเวอร์
🔹 New Page Preview
เมื่อคุณแก้ไขเนื้อหาของข้อความ ตัวอย่างการแสดงผล Popup ของข้อความจะแสดงแบบเรียลไทม์ที่แถบด้านขวา
เมื่อคุณคลิก "Open a new page for preview" ระบบจะนำคุณไปยังหน้าใหม่เพื่อแสดงผลการตั้งค่าการแสดงผลของ Web Popup คุณสามารถคลิกปุ่มที่ตั้งค่า URL เพื่อทดสอบการเปลี่ยนเส้นทาง
🔹 Advanced Options
ในส่วนนี้จะมีการตั้งค่าพารามิเตอร์ขั้นสูงสำหรับการ Push ข้อความในแอปเพื่อให้สามารถปรับได้ตามความต้องการของการปฏิบัติการ
Push Plan Identifier สามารถตั้งชื่อแผน Push เพื่อจัดกลุ่ม Push ที่เหมือนกันภายใต้ Identifier เดียวกัน สำหรับการสถิติและการวิเคราะห์ผลที่สะดวก
Delay Pop-up รองรับการตั้งเวลาการแสดงของข้อความ ที่สามารถตั้งให้แสดงทันทีหรือหน่วงเวลา
- บนหน้าเดียวกัน ลำดับความสำคัญของข้อความในแอปที่ต่างกัน: Full Screen > Interstitial > Banner > In-App Reminder Message
- ไม่สามารถแสดง Interstitial และ Full Screen ซ้ำในหน้าเดียวกันได้ จะให้แสดงเฉพาะข้อความล่าสุด
- สามารถแสดงข้อความ Banner หลายตัวบนหน้าเดียวกันได้
Disappearance Timing ควบคุมเวลาที่ข้อความจะหายไปอัตโนมัติ
- ข้อความ Banner จะแสดงเป็นเวลา 5 วินาที, ข้อความ Interstitial และ HTML แสดง 30 วินาทีเป็นค่าเริ่มต้น และสามารถปรับตั้งค่าได้ตั้งแต่ 5 ถึง 180 วินาที
- หากตั้งค่า Skip Button สำหรับข้อความ Full Screen เวลาจะไม่ถูกควบคุมด้วยตัวเลือกนี้
Message Display Validity Period ตั้งค่าระยะเวลาที่ข้อความจะสามารถแสดงได้
- หากผู้ใช้ไม่ออนไลน์ จะถูกเก็บไว้เป็นข้อความ Offline และจะ Push ให้เมื่อผู้ใช้กลับมาออนไลน์
- ข้อความจะไม่แสดงหากผู้ใช้ไม่เข้าไปยังหน้าที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
Attachment Fields รองรับการตั้งค่าพารามิเตอร์ที่กำหนดเอง ฝั่ง Client สามารถดึงข้อมูลจากฟิลด์เหล่านี้ไปใช้งานตามเหตุการณ์ที่ต้องการได้
🔹 Sending Preview
รูปตัวอย่าง Preview จะปรากฏด้านขวาของหน้า หลังจากตั้งค่าพารามิเตอร์ Push เสร็จแล้ว ให้คลิก "Send Preview" เพื่อตรวจสอบตัวอย่างการตั้งค่า
ยืนยันพารามิเตอร์แล้ว คลิก "Confirm" เพื่อสร้างภารกิจ Push สำเร็จ หากไม่มีกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามเงื่อนไขจะมี Error ดังนี้
หากคุณมีความต้องการเพิ่มเติมหรือพบปัญหาต่าง ๆ โปรดติดต่อ Contact Sales