การแข่งขันเพื่อแย่งชิงความสนใจของผู้ใช้ในตลาดปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อ ต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ (CAC) อย่างชัดเจน ธุรกิจจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนโฟกัสจากแคมเปญหาลูกค้าใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง มาสู่กลยุทธ์การสร้างการมีส่วนร่วมและการรักษาฐานลูกค้าอย่างยั่งยืน การแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บมือถือ (Mobile web push notifications) คือเครื่องมือสำคัญที่คุณสามารถใช้เพื่อต่อสู้กับ CAC ที่เพิ่มสูงขึ้น
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่าทำไมการแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับเว็บและมือถือจึงสำคัญ วิธีใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานบน iOS
เหตุผลที่การแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บมือถือสำคัญต่อการเติบโตและการรักษาฐานลูกค้าขององค์กร
สถานการณ์ตลาด: การแข่งขันสูงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือทั่วโลกเติบโตจนถึงจุดอิ่มตัว หลายประเทศถือว่าถึงจุดสูงสุดแล้ว สำหรับธุรกิจ นั่นหมายความว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ได้เข้าสู่ตลาดแล้ว และการหาลูกค้าใหม่จึงมีต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิม
CAC เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทำให้การพึ่งพากลยุทธ์การหาลูกค้าแบบเสียเงินเพียงอย่างเดียวไม่ยั่งยืน หากคุณต้องการใช้งบการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณจำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ
ในสภาพแวดล้อมนี้ การรักษาผู้ใช้ (Retention) และการเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (LTV) จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่าเดิม โชคดีที่มีเครื่องมือสร้าง Engagement มากมาย เช่น การแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บมือถือ ที่คุณสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตัวชี้วัดเหล่านี้
คุณค่าหลักของการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บมือถือ
การแจ้งเตือนแบบพุชถือเป็นเครื่องมือสื่อสารทางธุรกิจที่มีคุณค่า โดยเฉพาะใน 3 ด้านหลัก ดังนี้:
- เข้าถึงผู้ใช้ได้กว้าง: สำหรับการแจ้งเตือนแบบพุชในแอป ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดแอปของคุณก่อน แต่การแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บมือถือทำงานผ่านเบราว์เซอร์โดยตรง คุณจึงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น แม้แต่ผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอป
- อัตราการส่งถึงและเปิดอ่านสูง: ข้อดีสำคัญของการแจ้งเตือนแบบพุช คือมีโอกาสถูกมองเห็นและมี Engagement สูงกว่าช่องทางอื่น เมื่อคุณใช้เครื่องมือนี้ คุณจึงมั่นใจได้ว่าข้อความของคุณจะไม่ถูกมองข้ามง่ายๆ
- แม่นยำและตอบสนองแบบเรียลไทม์: การแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับเว็บและมือถือสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับพฤติกรรม ความสนใจ และตำแหน่งของผู้ใช้ หากผสานกับทริกเกอร์แบบเรียลไทม์ คุณจะสร้าง Workflow อัตโนมัติที่ให้ผลลัพธ์เหนือชั้นได้
การแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับเว็บและมือถือ: พื้นฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Android & PC)
หลักการทำงานทางเทคนิค (สรุปเข้าใจง่าย)
ในเชิงเทคนิค การแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับเว็บและมือถืออาศัยเทคโนโลยี service worker ของเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็น JavaScript ที่ทำงานเบื้องหลัง ช่วยให้เว็บไซต์สามารถส่งการแจ้งเตือนได้แม้ผู้ใช้จะปิดหน้าเว็บอยู่ก็ตาม ดังนั้น ผู้ใช้จะได้รับข้อความของคุณไม่ว่าจะกำลังใช้งานอะไรบนอุปกรณ์
ปัจจุบัน เบราว์เซอร์ Android และเดสก์ท็อปส่วนใหญ่ เช่น Chrome, Edge และ Firefox รองรับกลไกนี้ หากคุณต้องการใช้งานก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการเชื่อมต่อ API หรือแพลตฟอร์มบุคคลที่สามอย่าง EngageLab
สำหรับคู่มือเชิงลึก เราได้เผยแพร่บทความที่อธิบายทุกแง่มุมของการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บ เช่น เทคนิคการใช้ push ads ให้ได้ผล
ขั้นตอนสำคัญในการใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุช
หากต้องการสร้างผลลัพธ์สูงสุด คุณควรทำมากกว่าการตั้งค่าขั้นพื้นฐาน โดยนำขั้นตอนเหล่านี้ไปใช้เพื่อยกระดับกลยุทธ์การแจ้งเตือนผ่านเบราว์เซอร์ ได้แก่:
#1 ช่วงเวลา (Timing)
การแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับเว็บและมือถือควรส่งถึงผู้ใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ร้านค้าออนไลน์จะได้ผลดีกว่าเมื่อส่งข้อเสนอเฉพาะบุคคลในช่วงเวลาที่มีการซื้อสูงสุด ขณะที่แพลตฟอร์ม SaaS อาจเลือกแจ้งเตือนก่อนหมดช่วงทดลองใช้งาน หากส่งผิดเวลาอาจสร้างความรำคาญและทำให้ผู้ใช้เลิกติดตามได้
EngageLab ไม่เพียงช่วยให้คุณสร้างการแจ้งเตือนได้ง่าย แต่ยังมีตัวเลือกการตั้งเวลาส่งที่หลากหลาย เช่น ส่งทันทีหรือกำหนดเวลาส่งล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Smart Push ที่พิจารณาประวัติการใช้งานของผู้ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
#2 เนื้อหา
เนื้อหาที่ชัดเจน กระชับ และกระตุ้นให้เกิดการกระทำ มักได้ผลดีที่สุด EngageLab ช่วยให้คุณควบคุมหน้าตาการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บได้ง่ายขึ้น ด้วยการแสดงตัวอย่างข้อความขณะสร้าง แม้แต่สำหรับการแจ้งเตือน Mobile Web Push บน iOS นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มอีโมจิ เขียนได้ทุกภาษาตามต้องการ และใช้ฟีเจอร์ AI แปลภาษาได้อีกด้วย
#3 การแบ่งกลุ่มผู้ใช้
แทนที่จะส่งข้อความเดียวกันถึงผู้ใช้ทุกคน คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าหากแบ่งกลุ่มตามเกณฑ์เฉพาะ เช่น ข้อมูลประชากร ประวัติการซื้อ หรือพฤติกรรม ใน EngageLab คุณสามารถสร้างกลุ่มผู้ใช้ได้ไม่จำกัด พร้อมตั้งกฎต่าง ๆ เพื่อแบ่งกลุ่มกลุ่มเป้าหมายโดยอัตโนมัติ
#4 ระบบอัตโนมัติ
การตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบพุชอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ของคุณ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือสื่อข่าวสารจะได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากการสร้าง workflow ที่ถูกกระตุ้นโดยเหตุการณ์ เช่น การยืนยันสมัครสมาชิก ทิ้งสินค้าในตะกร้า หรืออัปเดตข่าวสาร EngageLab มีฟีเจอร์การตลาดอัตโนมัติที่ให้คุณเพิ่มการแจ้งเตือนแบบพุชทั้งบนเว็บและมือถือ รวมถึงช่องทางอื่น ๆ ที่จำเป็นได้อย่างง่ายดาย
ความท้าทายของ iOS และโอกาสใหม่กับ Mobile Web Push Notifications บน iOS
เหตุผลที่ iOS ไม่รองรับ Web Push Notifications ในช่วงแรก
แม้ว่า Mobile Web Push Notifications บน Android และเดสก์ท็อปจะมีมานานแล้ว แต่ธุรกิจไม่สามารถใช้บนอุปกรณ์ Apple ได้ เนื่องจาก Apple ไม่รองรับฟีเจอร์นี้ และ Safari บน iOS ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ส่งการแจ้งเตือนแบบพุช
นั่นหมายความว่าแบรนด์ของคุณขาดโอกาสในการสร้าง Engagement กับกลุ่มผู้ใช้ iPhone และต้องพึ่งช่องทางอื่นที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า เช่น อีเมล
การเปลี่ยนนโยบายของ Apple: iOS Safari รองรับ Web Push แล้ว
โชคดีที่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การแจ้งเตือนแบบพุชบน iOS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2023 Apple ได้เปิดตัว Safari Web Push สำหรับ iOS และ iPadOS 16.4 เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องมี ได้แก่:
- ผู้ใช้ต้องใช้งาน iOS/iPadOS 16.4 ขึ้นไป
- เว็บไซต์ต้องถูกเพิ่มไว้บนหน้าจอโฮมของผู้ใช้
- Mobile Web Push Notifications บน iOS ทำงานคล้าย Push ในแอปแต่ยังมีข้อจำกัดบางอย่างเมื่อเทียบกับ Android
คุณค่าทางธุรกิจของ iOS Safari Web Push Notification
ด้วยการอัปเดตนี้ คุณสามารถสร้าง Engagement กับผู้ใช้ iOS ได้โดยตรงผ่านเบราว์เซอร์ ขยายการเข้าถึงโดยไม่ต้องพึ่งแอป ซึ่งหลายแบรนด์อีคอมเมิร์ซอาจไม่มี
- กลยุทธ์ข้ามแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ สามารถพัฒนาการแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับ Android, เดสก์ท็อป และ iOS ได้ในที่เดียว
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสร้างและดูแลแอป iOS แยกเพื่อใช้ฟีเจอร์แจ้งเตือนแบบพุช
- เพิ่ม retention ส่งอัปเดตเฉพาะบุคคลและตรงเวลาให้กับผู้ใช้ iOS บนเว็บ
บทความล่าสุดของเราเกี่ยวกับ Safari Web Push ได้อธิบายรายละเอียดทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับอัปเดตนี้
การเลือกและการใช้งานโซลูชันการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บมือถือที่รองรับหลายแพลตฟอร์ม
ระบบที่พัฒนาด้วยตนเองเทียบกับแพลตฟอร์ม SaaS ของบุคคลที่สาม
อย่างที่เห็น กลยุทธ์การแจ้งเตือนแบบพุชจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ของคุณ ดังนั้น เมื่อคุณเริ่มต้นใช้งาน คุณจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานการแจ้งเตือนแบบพุชด้วยตัวเอง หรือเลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการบุคคลที่สาม รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้:
- ระบบที่พัฒนาด้วยตนเองให้คุณควบคุมระบบได้เต็มที่ แต่ต้องลงทุนสูงทั้งในด้านการพัฒนา การจัดการเซิร์ฟเวอร์ และการปฏิบัติตามข้อกำหนด การขยายระบบและรักษาประสิทธิภาพให้รองรับหลายเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคและความท้าทายสูง
- แพลตฟอร์ม SaaS ของบุคคลที่สาม เช่น EngageLab มีโซลูชันอัจฉริยะที่ครบถ้วน ทั้ง SDK, API, แดชบอร์ด และการดูแลเรื่องการปฏิบัติตามข้อกำหนด เนื่องจากออกแบบมาสำหรับการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บและมือถือโดยเฉพาะ จึงช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ปรับแต่งและพัฒนาต่อเนื่อง พร้อมลดต้นทุนการดำเนินงาน
นี่คือการเปรียบเทียบแบบรวดเร็ว:
| แง่มุม | ระบบที่สร้างเอง | แพลตฟอร์ม SaaS ของบุคคลที่สาม |
|---|---|---|
| ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น | สูง (ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนา และจ้างทีมงาน) | ต่ำ (จ่ายแบบสมัครสมาชิกหรือคิดตามการใช้งาน) |
| ระยะเวลาพร้อมใช้งาน | ช้า เพราะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการพัฒนาและทดสอบ | รวดเร็ว ด้วย SDK และ API ที่พร้อมใช้งาน |
| การขยายขนาดระบบ | จำกัด | สูง |
| การดูแลรักษา | ต้องดูแลต่อเนื่อง เช่น แก้ไขบั๊ก อัปเดต และรองรับเบราว์เซอร์ | น้อยมาก เพราะผู้ให้บริการ SaaS ดูแลให้ทั้งหมด |
| การปฏิบัติตามข้อกำหนด | ต้องดูแลเองภายใน (เช่น GDPR, HIPAA ฯลฯ) | มีเฟรมเวิร์กและใบรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดในตัว |
| ฟีเจอร์ | ปรับแต่งได้แต่ใช้ทรัพยากรสูงในการพัฒนา | ฟีเจอร์ครบครันพร้อมใช้งาน เช่น A/B testing, AI personalization, การเชื่อมต่อแบบ omnichannel |
| รองรับหลายแพลตฟอร์ม | ซับซ้อนหากต้องดูแลทั้ง Android, iOS และเบราว์เซอร์เดสก์ท็อป | รองรับทุกแพลตฟอร์มหลักแบบครบวงจร |
ปัจจัยสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการการแจ้งเตือนแบบพุช
จากตารางด้านบน แพลตฟอร์ม SaaS ของบุคคลที่สามถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้น แม้แต่ธุรกิจสตาร์ทอัพก็สามารถใช้ได้ดี ในการเลือกผู้ให้บริการการแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับเว็บและมือถือ คุณควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้:
- รองรับหลายแพลตฟอร์ม (Android, iOS Safari, เดสก์ท็อป)
- ผสานรวมกับเว็บไซต์หรือแอปที่มีอยู่ได้ง่าย
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและกฎระเบียบในแต่ละภูมิภาค
- ปรับแต่งข้อความแบบเฉพาะบุคคลได้
- รองรับสื่อหลายรูปแบบ
- มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบ A/B
เหตุผลที่ EngageLab เหมาะกับองค์กรธุรกิจมากที่สุด
EngageLab โดดเด่นในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันการแจ้งเตือนแบบพุชครบวงจร หากคุณต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน EngageLab มอบทั้งรากฐานทางเทคนิคและข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้สูงสุด
ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยฟีเจอร์เฉพาะทาง เช่น:
- ระบบแจ้งเตือนแบบ soft prompt และการรับประกันความสอดคล้องตามข้อกฎหมาย ช่วยเพิ่มอัตราการยินยอม (opt-in) พร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนดความเป็นส่วนตัวทั่วโลก
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย ตั้งค่าแคมเปญได้แม้ไม่มีทักษะด้านเทคนิค
- การแจ้งเตือนแบบพุชที่รองรับสื่อหลากหลาย ทั้งภาพและปุ่ม CTA เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
- การปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคลด้วย AI สร้างประสบการณ์ที่ตรงเป้าหมายสูงสุด
- เชื่อมต่อแบบ Omnichannel ครอบคลุมทั้ง web push, app push, SMS, อีเมล และข้อความในแอป
สร้างกลยุทธ์การมีส่วนร่วมผู้ใช้แบบ Omnichannel ของคุณตอนนี้
เมื่อค่า CAC สูงขึ้นและทราฟฟิกเริ่มอิ่มตัว Mobile Web Push คือเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มการมีส่วนร่วมและรักษาผู้ใช้ เพียงผสมผสานกลยุทธ์ Android, เดสก์ท็อป และ iOS คุณก็สร้างการสื่อสารข้ามแพลตฟอร์มได้จริง EngageLab ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การแจ้งเตือนแบบพุชที่ชาญฉลาด ถูกต้องตามกฎหมาย และครอบคลุมทุกช่องทาง เพื่อเพิ่ม engagement และ retention ตลอดเส้นทางลูกค้า
เริ่มต้นเลย: สร้าง Omnichannel Push Matrix ของคุณวันนี้








