คุณกำลังมองหาวิธีเข้าถึงลูกค้าของคุณแบบทันทีอยู่หรือไม่? การแจ้งเตือนแบบพุช (push notifications) คือช่องทางที่ตอบโจทย์นี้ได้อย่างตรงจุด แต่ก่อนที่คุณจะรีบเลือกผู้ให้บริการรายแรกที่เจอ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณา ค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุช ให้รอบด้าน ศึกษารูปแบบการคิดราคาที่พบได้บ่อยและค่าใช้จ่ายแอบแฝง เพื่อให้แน่ใจว่างบประมาณการตลาดของคุณถูกใช้อย่างคุ้มค่าตรงจุดประสงค์
รูปแบบบริการและแนวทางการคิดราคาการแจ้งเตือนแบบพุชที่พบบ่อย
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุช
เมื่อคุณกำลังพิจารณาใช้บริการใหม่สำหรับธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องประเมินค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะช่องทางอย่างการแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับแอปหรือเว็บไซต์ของคุณ ในความเป็นจริง มีหลายปัจจัยหลักที่กำหนดว่าคุณจะต้องจ่ายเท่าไร ดังนี้
- จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (MAU)/ผู้ติดตาม: หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุช คือจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (MAU) ที่แบรนด์ของคุณมี ผู้ให้บริการหลายรายคิดค่าบริการตามจำนวนผู้ใช้ที่คุณส่งการแจ้งเตือนไปถึง หรือบางรายอาจคิดตามจำนวนอุปกรณ์ที่ลงทะเบียน
- ปริมาณข้อความที่ส่ง: นอกจากจำนวนผู้ใช้แล้ว จำนวนการแจ้งเตือนที่คุณส่งก็มีผลเช่นกัน ผู้ให้บริการบางรายคิดค่าบริการตามปริมาณข้อความ ดังนั้นควรประเมินความต้องการล่วงหน้า
- ฟีเจอร์ขั้นสูง: หากคุณต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง อาจต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เฉพาะทางมากขึ้น ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้อาจคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะสามารถยกระดับธุรกิจและสร้าง ROI ที่สูงกว่าการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บทั่วไป
- ระดับการสนับสนุนและความต้องการขององค์กร: อีกองค์ประกอบที่อาจเพิ่มค่าใช้จ่าย คือความต้องการเฉพาะของธุรกิจ เช่น หากคุณเป็นองค์กรขนาดใหญ่ อาจต้องการการสนับสนุน 24/7 การอบรมทีมงาน หรือ onboarding แบบเฉพาะ
- ขอบเขตแพลตฟอร์มและช่องทาง: ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือขอบเขตของแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการบางรายเน้นเฉพาะการแจ้งเตือนแบบพุชบนแอปและเว็บ ขณะที่บางรายรองรับการตลาดแบบหลายช่องทาง (multichannel) และแบบทุกช่องทาง (omnichannel)
- ค่าใช้จ่ายแอบแฝง: แม้แต่บริการฟรีก็อาจมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่คุณต้องเตรียมรับมือ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้มักถูกมองข้ามและอาจทำให้งบประมาณธุรกิจคลาดเคลื่อนได้
รูปแบบการคิดราคาการแจ้งเตือนแบบพุชหลักในตลาด
ในตลาดปัจจุบัน มักพบรูปแบบการคิดราคาหลัก ๆ หลายแบบสำหรับบริการการแจ้งเตือนแบบพุช โดยมีรายละเอียดดังนี้
#1 Freemium & Pay‐As‐You‐Go
Freemium เป็นหนึ่งในโมเดลการคิดราคาที่ได้รับความนิยมสูง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการแจ้งเตือนแบบพุช ในโมเดลนี้ ผู้ให้บริการจะมีแพ็กเกจฟรีพื้นฐานให้ โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้และฟีเจอร์ที่เข้าถึงได้ อีกทางเลือกคือโมเดล pay-as-you-go ซึ่งมักจับคู่กับ freemium โดยคุณจะจ่ายเฉพาะบริการและปริมาณข้อความที่ต้องการส่งเท่านั้น
ทั้งสองโมเดลนี้เหมาะกับสตาร์ทอัพหรือบริษัทที่ต้องการทดลองช่องทางสื่อสาร โดยเฉพาะ pay-as-you-go คุณจะเห็นรายละเอียดค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรก ความเสี่ยงคือ หากธุรกิจเติบโตขึ้น ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
#2 การคิดราคาตาม MAU/ผู้ติดตามแบบแบ่งระดับ
อีกรูปแบบที่ได้รับความนิยม คือการคิดราคาตามจำนวน MAU หรือผู้ติดตาม ค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บจะผูกกับขนาดของคุณ และต้องเลือกแพ็กเกจตามระดับ เช่น ผู้ให้บริการอาจมีแพ็กเกจสำหรับไม่เกิน 10,000 ผู้ใช้, ไม่เกิน 100,000 ผู้ใช้ ฯลฯ ในโมเดลนี้ คุณสามารถส่งการแจ้งเตือนได้ตามโควตาของแพ็กเกจในราคาคงที่ ทำให้ควบคุมงบประมาณได้แม้ธุรกิจจะขยายตัว แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะจ่ายเงินโดยไม่ได้ใช้โควตาทั้งหมด
#3 แพ็กเกจองค์กร/การคิดราคาตามสัญญาเฉพาะ
องค์กรขนาดใหญ่ที่มีปริมาณการใช้งานสูงและความต้องการซับซ้อน มักเลือกใช้แผนราคาที่ปรับแต่งเฉพาะ แม้ว่าผู้ให้บริการจะมีโมเดลการคิดค่าบริการตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่ก็สามารถเสนอเงื่อนไขสัญญาเฉพาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่น ในกรณีนี้ คุณสามารถเจรจาต่อรองราคาให้เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการขององค์กรได้ ค่าใช้จ่ายสำหรับแผนองค์กรจะสูงกว่า แต่บริการที่ได้รับจะถูกออกแบบให้ตรงกับความต้องการของคุณโดยเฉพาะ
หากคุณต้องการควบคุมทุกอย่างและใช้บริการระดับพรีเมียม แผนองค์กรคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ ติดต่อ EngageLab เพื่อรับข้อเสนอที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแบรนด์และความต้องการเฉพาะของคุณ
ค่าใช้บริการ Push Notification เท่าไหร่?
แม้จะมีข้อมูลข้างต้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตอบคำถามว่าควรเลือกผู้ให้บริการรายใด ในส่วนนี้ เราจะสรุปกลยุทธ์การตั้งราคาของผู้ให้บริการยอดนิยม เพื่อให้คุณเปรียบเทียบและตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ
1. EngageLab
EngageLab คือแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วมกับลูกค้าแบบครบวงจร ที่เน้นการแจ้งเตือนแบบพุช (push notifications) แบบไม่จำกัด พร้อมแผนราคาที่ยืดหยุ่นตามการใช้งาน คุณสามารถสร้างช่องทางสื่อสารได้หลากหลายทั้งการแจ้งเตือนแบบพุชในแอปและบนเว็บ อีเมล SMS และ WhatsApp
คุณยังสามารถเข้าถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ฟีเจอร์การปรับแต่งและแบ่งกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการทดสอบแบบ A/B ที่สำคัญคือ คุณสามารถทดลองใช้การแจ้งเตือนแบบพุชใน EngageLab ได้ฟรี (ทดลองใช้ AppPush ฟรี 30 วัน และ WebPush ฟรี 15 วัน)
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก/ธุรกิจที่กำลังเติบโต/สตาร์ทอัพ/ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่: EngageLab ใช้โมเดลการคิดค่าบริการตาม DAU (Daily Active Users) ดังนั้นค่าใช้จ่ายของคุณจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้งานสูงสุดต่อวันสำหรับ AppPush/WebPush โดยคุณสามารถส่งการแจ้งเตือนแบบพุชได้ไม่จำกัด และมีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนได้ไม่จำกัดเช่นกัน
2. OneSignal
OneSignal เป็นแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่ได้รับความนิยมสูง ครอบคลุมทั้ง mobile push, web push, ข้อความในแอป, อีเมล และ SMS จุดเด่นคือมีฟีเจอร์ครบครัน แม้ในแผนใช้ฟรี เช่น การแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือไม่จำกัด การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย และการทดสอบแบบ A/B หากต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงมากขึ้น ต้องอัปเกรดเป็นแผน Growth หรือแผนแบบกำหนดเอง OneSignal เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย เพราะมีแผนใช้ฟรีให้เลือก
- สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: มีแผนใช้ฟรี ส่งแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือได้ไม่จำกัด แต่ฟีเจอร์จะถูกจำกัดบางส่วน
- สำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต/สตาร์ทอัพ: แผน Growth เริ่มต้นที่ $19 ต่อเดือน และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามช่องทางที่เลือกใช้
- สำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่: มีแผน Professional และ Enterprise แบบกำหนดเอง โดยราคาและฟีเจอร์จะปรับตามความต้องการของแต่ละองค์กร
3. Klaviyo
Klaviyo เป็นที่รู้จักในด้านระบบอัตโนมัติสำหรับการตลาดผ่านอีเมลและ SMS และยังมีบริการแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือและเว็บ แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นด้วยการนำ AI มาใช้ ช่วยให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ AI สร้างสรรค์ พร้อมเวิร์กโฟลว์มัลติแชนแนล การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และการเข้าถึง customer agents สำหรับค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุช Klaviyo มีแผนใช้ฟรีสำหรับจำนวนโปรไฟล์ผู้ใช้ที่จำกัด
กลยุทธ์การตั้งราคา
- สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: มีแผนฟรีสำหรับ 250 รายชื่อ แต่จะมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนข้อความที่สามารถส่งได้และฟีเจอร์ที่สามารถใช้งาน
- สำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต/สตาร์ทอัพ: แผนอีเมลเริ่มต้นที่ $20/เดือน ส่วนแผนอีเมล + โมบายเริ่มต้นที่ $35/เดือน ทั้งสองแผนสำหรับ 500 โปรไฟล์ที่ใช้งาน
- สำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่: ราคาจะปรับตามจำนวนโปรไฟล์ที่ใช้งาน และไม่มีแผนแยกสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ แต่สามารถเลือกใช้ บริการเสริม เช่น รีวิวและการวิเคราะห์การตลาด
4. Firebase Cloud Messaging (FCM)
FCM คือบริการการแจ้งเตือนแบบพุชจากแพลตฟอร์ม Firebase/Google Cloud ของ Google รองรับทั้ง Android, iOS และการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บ จึงเหมาะกับทุกธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร FCM มีฟีเจอร์ครบครัน เช่น A/B Testing และ Analytics ให้ใช้ฟรีกับผู้ใช้ทุกคน
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก/ธุรกิจที่กำลังเติบโต/สตาร์ทอัพ/ธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่: FCM ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการแจ้งเตือนแบบพุช แต่หากต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เพิ่มเติม อาจต้องเลือกแพ็คเกจ Blaze แบบจ่ายตามการใช้งาน
5. Airship
Airship เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ล้ำหน้าสำหรับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้แบบข้ามช่องทาง มีทั้งการแจ้งเตือนแบบพุช ข้อความในแอป อีเมล SMS/MMS กระเป๋าเงินบนมือถือ และ AI-powered journeys จุดเด่นคือฟีเจอร์การปรับแต่งขั้นสูงและ generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสนทนา อย่างไรก็ตาม ไม่มีทดลองใช้งานฟรี
กลยุทธ์การตั้งราคา
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก/ธุรกิจที่กำลังเติบโต/สตาร์ทอัพ/ธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่: มี 2 แพ็คเกจให้เลือก ได้แก่ Airship Essentials และ Airship Enterprise แต่ราคาจะไม่แสดงอย่างชัดเจน ต้องติดต่อแพลตฟอร์มเพื่อขอใบเสนอราคาแบบกำหนดเอง จึงยากที่จะคาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำหรับการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บ
ตารางเปรียบเทียบผู้ให้บริการ
| ผู้ให้บริการ | คุณสมบัติเด่น | เหมาะสำหรับ | แผนฟรี / ทดลองใช้ | ราคา |
| OneSignal |
- การแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือ & เว็บ - การส่งข้อความในแอป - การแบ่งกลุ่ม & ทดสอบ A/B - ระบบอัตโนมัติ & วิเคราะห์ข้อมูล |
สตาร์ทอัพและ SME | แผนฟรี (สูงสุด 10,000 subscribers พร้อมฟีเจอร์จำกัด) | Freemium + คิดราคาตามจำนวน MAU แบบขั้นบันได |
| Klaviyo |
- อีเมล + SMS + การแจ้งเตือนแบบพุช - เชื่อมต่ออีคอมเมิร์ซลึก - ปรับแต่งเฉพาะบุคคล & Flow Builder - ติดตามรายได้ |
แบรนด์อีคอมเมิร์ซ / องค์กรขนาดใหญ่ | แผนฟรี (สูงสุด 500 รายชื่อ และ 150 การส่ง) | คิดราคาตามจำนวนรายชื่อแบบขั้นบันได |
| Firebase Cloud Messaging (FCM) |
- การแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือ (Android/iOS) - เชื่อมต่อกับแอป - ส่งได้ไม่จำกัด - ตั้งค่าผ่าน API |
นักพัฒนาและสตาร์ทอัพ | ฟรี 100% | ฟรีทั้งหมด (เหมาะสำหรับนักพัฒนา) |
| Airship |
- การแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือ & เว็บ - Journeys & ทดสอบ A/B - การแบ่งกลุ่มแบบคาดการณ์ - แคมเปญแบบ Omnichannel |
องค์กรขนาดใหญ่ | ไม่มีแผนฟรี (มีเดโมให้ทดลอง) | แพ็กเกจองค์กรแบบกำหนดเอง |
| EngageLab |
- การแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือ & เว็บ - ส่งข้อความหลายช่องทาง (Push, SMS, WhatsApp) - ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ - วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์ - ส่งได้ไม่จำกัด |
ธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการต้นทุนคงที่ เติบโตแบบหลายช่องทาง และระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่ง | ทดลองฟรี 15 วัน (WebPush), ทดลองฟรี 30 วัน (AppPush) | คิดราคาตามจำนวน DAU |
ค่าใช้จ่ายแอบแฝงของการแจ้งเตือนแบบพุชที่มักถูกมองข้าม
แม้ว่าคุณจะคิดว่าค่าไลเซนส์ชัดเจนแล้ว แต่คุณอาจพบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ผู้ให้บริการไม่ได้แจ้งให้ทราบ ค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือค่าใช้จ่ายรองเหล่านี้ เช่น:
- Rich Media: หากคุณส่งการแจ้งเตือนแบบพุชที่มีรูปภาพ หรือมีการปรับแต่งขั้นสูง อาจมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับแบนด์วิดท์ พื้นที่จัดเก็บ หรือการถ่ายโอนข้อมูล
- ค่าข้อมูล/พื้นที่จัดเก็บ: คุณอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้
- ความสามารถในการส่งข้อความและช่องทางเฉพาะอุปกรณ์: Android, iOS และเว็บมีการทำงานที่แตกต่างกัน ผู้ให้บริการอาจต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมหรือ Add-on เพื่อให้ส่งถึงผู้รับได้ดีขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุชบนเว็บจะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ค่าทดสอบ แบ่งกลุ่ม และปรับแต่งแคมเปญ: แคมเปญขั้นสูงอาจต้องใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รวมอยู่ในทุกแพ็กเกจ ส่งผลให้ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายการแจ้งเตือนแบบพุชก็จะเพิ่มขึ้น
- Add-on หลายช่องทาง: หากคุณต้องการเพิ่มอีเมล, SMS, WhatsApp หรือการส่งข้อความในแอปในภายหลัง คุณอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่ออัปเกรดแพ็กเกจเดิม
- ค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญา: แพ็กเกจสำหรับองค์กรบางรายต้องทำสัญญาระยะยาว หากคุณต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการ อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล
ก้าวข้ามการแจ้งเตือนแบบพุช: สร้างกลยุทธ์การสื่อสารแบบหลายช่องทาง
ทำไมกลยุทธ์หลายช่องทางถึงจำเป็น
มีเหตุผลมากมายที่ทำให้การแจ้งเตือนแบบพุชเป็นช่องทางที่น่าลงทุน เพราะมีประสิทธิภาพและเริ่มต้นได้ด้วยต้นทุนไม่สูง แต่หากคุณพึ่งพาเพียงช่องทางพุชอย่างเดียว แบรนด์ของคุณอาจเสี่ยง เพราะไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับการแจ้งเตือนแบบพุชหรือสมัคร device token และผู้ใช้สามารถเพิกเฉยหรือปิดการแจ้งเตือนได้ง่ายหากรู้สึกถูกรบกวน นอกจากนี้ บางข้อความเหมาะกับการส่งผ่านอีเมล, SMS หรือข้อความในแอปมากกว่า ดังนั้น กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการใช้หลายช่องทาง เพื่อขยายการเข้าถึงให้กว้างขึ้น
เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย: การแจ้งเตือนแบบพุช vs อีเมล vs SMS
ในฐานะธุรกิจ คุณควรทราบค่าใช้จ่ายก่อนลงทุนกับฟีเจอร์ บริการ หรือช่องทางใหม่ ๆ เพื่อให้ง่ายขึ้นสำหรับคุณ เราได้จัดทำตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของการแจ้งเตือนแบบพุช อีเมล และ SMS ไว้ดังนี้
| ช่องทาง | ค่าเฉลี่ยต่อการส่งแต่ละข้อความ | ค่าติดตั้ง & ค่าดูแลระบบ | ความเร็วในการส่งถึงผู้รับ | อัตราการมีส่วนร่วม | กรณีใช้งานที่เหมาะสม | ความคุ้มค่าด้านต้นทุน |
|---|---|---|---|---|---|---|
| การแจ้งเตือนแบบพุช | $0.0001 – $0.002 ต่อข้อความ (มักส่งได้ไม่จำกัดในแพ็กเกจ MAU/DAU) | ต่ำ | ทันที | อัตราคลิก 5-15% | แจ้งเตือนแบบเรียลไทม์, กระตุ้นการใช้งานแอป, โปรโมชันด่วน, แจ้งเตือนเตือนความจำ | สูง |
| อีเมล | $0.001 – $0.01 ต่อข้อความ (ขึ้นกับจำนวนผู้ติดตาม) | ปานกลาง | ภายในไม่กี่นาที | อัตราเปิด 15-25% / อัตราคลิก 2-5% | จดหมายข่าว, แคมเปญตามวงจรลูกค้า, โปรโมชัน | ปานกลาง |
| ส่ง SMS | $0.02 – $0.08 ต่อข้อความ (ขึ้นกับประเทศและเครือข่าย) | ต่ำ | ทันที | อัตราเปิด 90%+ / อัตราคลิก 10-20% | แจ้งเตือนเร่งด่วน, ยืนยันตัวตน, อัปเดตธุรกรรม | ต่ำ-ปานกลาง |
ข้อแนะนำช่องทางสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมและสถานการณ์
ในการวางกลยุทธ์การสื่อสารแบบหลายช่องทาง (Multichannel Engagement) สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าช่องทางไหนเหมาะสมกับแต่ละกรณี ด้านล่างนี้คือแนวทางเลือกใช้ช่องทางตามอุตสาหกรรม พร้อมตัวอย่างสถานการณ์เฉพาะ:
- อีคอมเมิร์ซและค้าปลีก: ใช้การแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับแจ้งเตือนทิ้งตะกร้าสินค้า สินค้ากลับมาสต็อก และแฟลชเซลส์ ใช้อีเมลสำหรับแคมเปญขนาดใหญ่ การเปิดตัวสินค้าใหม่ และจดหมายข่าว และใช้ SMS สำหรับคูปองด่วนหรือแจ้งเตือน VIP
- SaaS และบริการแบบสมัครสมาชิก: ใช้ข้อความพุชผ่านเว็บหรือในแอปเพื่อสื่อสารกับผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ เช่น แจ้งฟีเจอร์ใหม่หรือเตือนการใช้งาน ใช้อีเมลสำหรับกระบวนการต้อนรับ และใช้ SMS เฉพาะกรณีสำคัญ เช่น แจ้งเตือนความปลอดภัย
- เว็บไซต์สื่อ/คอนเทนต์/สำนักพิมพ์: ใช้การแจ้งเตือนแบบพุชผ่านเว็บสำหรับข่าวด่วน ใช้อีเมลสำหรับจดหมายข่าวรายสัปดาห์/รายวัน และใช้ SMS เฉพาะสำหรับการแจ้งเตือนพรีเมียม
- เกมและแอปมือถือ: ใช้การแจ้งเตือนแบบพุชในแอปสำหรับเตือนรางวัลประจำวันและกิจกรรมต่าง ๆ และใช้อีเมลสำหรับการสื่อสารที่ไม่บ่อยนัก SMS มักใช้เฉพาะกับผู้เล่น VIP
- การเงินและฟินเทค: ใช้การแจ้งเตือนผ่านเว็บและในแอปสำหรับแจ้งเตือนธุรกรรม ใช้อีเมลสำหรับสเตทเมนต์ และใช้ SMS สำหรับแจ้งเตือนความปลอดภัยหรือยืนยันที่เร่งด่วน
EngageLab: โซลูชันแบบครบวงจรเพื่อการสื่อสารที่ขยายขนาดได้
สำหรับธุรกิจที่ต้องการแพลตฟอร์มการสื่อสารแบบหลายช่องทางที่ขยายขนาดได้ คาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ และคุ้มค่า EngageLab คือคำตอบที่โดดเด่น
เหตุผลที่ควรเลือก EngageLab:
- ส่งการแจ้งเตือนแบบพุชได้ไม่จำกัด (ทั้ง AppPush และ WebPush) และมีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนได้ไม่จำกัด คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบริการตามจำนวนครั้งหรือขนาดกลุ่มเป้าหมาย
- การคิดราคาแบบ DAU (Daily Active User) ช่วยให้คุณทราบต้นทุนที่ชัดเจนตามจำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานจริง ไม่ใช่ตามจำนวนข้อความหรือการส่ง EngageLab จึงเป็นผู้ให้บริการที่โปร่งใสที่สุด คุณสามารถทราบค่าใช้จ่ายของการแจ้งเตือนแบบพุชล่วงหน้าได้ชัดเจน
- ทดลองใช้งานฟรี (30 วันสำหรับ AppPush และ 15 วันสำหรับ WebPush) ให้คุณทดสอบบริการโดยไม่ต้องผูกมัดทันที
- รองรับหลายช่องทาง (อีเมล, SMS, WhatsApp) ขยายการสื่อสารได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์ม
หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชและวางกลยุทธ์การสื่อสารแบบหลายช่องทางโดยไม่ต้องจ่ายแพงกับเครื่องมือองค์กรขนาดใหญ่ สมัครใช้งาน EngageLab ได้เลย คุณสามารถประเมินค่าใช้จ่ายตาม DAU, เริ่มทดลองฟรี และขยายการใช้งานได้ตามการเติบโตของธุรกิจ ปลดล็อกประสิทธิภาพการสื่อสารแบบหลายช่องทางและเพิ่มศักยภาพธุรกิจของคุณกับ EngageLab วันนี้
รับส่วนลด






