เมื่อ Apple เปิดตัว ฟีเจอร์ Live Activities บน iPhone นักพัฒนาแอปจำนวนมากมองเห็นโอกาสใหม่ทันที โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอล็อกได้อย่างมีไดนามิก ทำให้ผู้ใช้ได้รับอัปเดตโดยไม่ต้องเปิดแอปหรือปลดล็อกเครื่อง ฟีเจอร์เรียบง่ายนี้กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง
ในบทความนี้ เราจะพาคุณชมตัวอย่างแอปที่นำ Live Activities ไปใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้ตัวอย่างเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการยกระดับแอปของคุณให้เหนือกว่าเดิม
Live Activities ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ได้อย่างไร?
ก่อนจะไปดูตัวอย่าง Live Activities จะเป็นประโยชน์หากเข้าใจว่าทำไมฟีเจอร์นี้จึงทรงคุณค่าสำหรับนักพัฒนา คำตอบหลักคือช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในแอปของคุณ โดยเกิดขึ้นจากปัจจัยเหล่านี้:
- การโต้ตอบแบบเรียลไทม์: Live Activity จะแสดงข้อมูลที่อัปเดตและเป็นปัจจุบันให้ผู้ใช้เห็นทันที การเข้าถึงข้อมูลสดแบบนี้กระตุ้นให้ผู้ใช้กลับมาใช้งานแอปบ่อยขึ้น เช่น เมื่อข้อมูลเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้อาจเปิดแอปเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
 - เพิ่มโอกาสในการมองเห็น: ต่างจากการแจ้งเตือนแบบพุช Live Activities จะยังคงแสดงอยู่ตราบใดที่กิจกรรมนั้นยังดำเนินอยู่ จึงช่วยเตือนให้ผู้ใช้ไม่ลืมแอปและเพิ่มโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์
 - ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น: ข้อดีอีกข้อคือช่วยให้ผู้ใช้พึงพอใจมากขึ้น เพราะไม่ต้องเปิดแอปทุกครั้งที่ต้องการเช็กข้อมูลอัปเดต
 - โอกาสในการปรับแต่งเฉพาะบุคคล: ฟีเจอร์ใหม่นี้เปิดโอกาสให้สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล ข้อมูลที่แสดงสอดคล้องกับกิจกรรมปัจจุบันของผู้ใช้ เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตประจำวัน และทำให้ Live Activities ดูเหมือนบริการมากกว่าการตลาด
 - เพิ่มอัตราการกลับมาใช้ซ้ำ: เมื่อผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับแอปผ่าน Live Activities บ่อยๆ จะเกิดพฤติกรรมการใช้งานต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการกลับมาใช้แอปในระยะยาวสูงขึ้น
 - ลดความยุ่งยาก: Live Activities บน iPhone ทำให้ผู้ใช้ติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ง่ายกว่าที่เคย ลดความรู้สึกหงุดหงิดจากการต้องค้นหาข้อมูลเอง ฟีเจอร์นี้จึงช่วยลดความพยายามของผู้ใช้
 
ตัวอย่าง! แอปพลิเคชันนำ iPhone Live Activities ไปใช้กับธุรกิจอย่างไร
ปัจจุบันมีหลายธุรกิจที่นำ Live Activity ไปใช้งานจริงแล้ว ในตัวอย่างเหล่านี้ คุณจะได้เห็นแอปจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่โชว์ศักยภาพของฟีเจอร์นี้ในกรณีการใช้งานที่แตกต่างกัน
ในส่วนนี้ เราคัดสรรตัวอย่าง Live Activities ที่ดีที่สุด เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าฟีเจอร์นี้สามารถนำไปใช้กับแอปของคุณได้อย่างไร ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด
#1 Uber
Uber ใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ Apple เพื่อแจ้งข้อมูลสถานะการเดินทางให้ผู้ใช้ทราบแบบเรียลไทม์ เช่น แจ้งให้ลูกค้ารู้ว่าคนขับอยู่ห่างจากจุดรับเท่าไร เวลาประมาณการมาถึง ข้อมูลของคนขับ และติดตามรถแบบสดบนหน้าจอล็อก ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจว่าการเดินทางจะเป็นไปอย่างราบรื่น
#2 Starbucks
Starbucks นำ Live Activities บน iPhone มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์สั่งเครื่องดื่มผ่านมือถือ เมื่อคุณสั่งเครื่องดื่ม คุณสามารถติดตามสถานะคำสั่งซื้อแบบเรียลไทม์จากหน้าจอล็อกได้ทันที ความโปร่งใสนี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ และลดเวลารอ เพราะคุณรู้ได้เลยว่าเมื่อไรควรไปรับเครื่องดื่ม
#3 Nike Run Club
Nike Run Club แสดงศักยภาพของฟีเจอร์ Live Activities บนแอปฟิตเนสได้อย่างชัดเจน แอปนี้นำฟีเจอร์ดังกล่าวมาใช้แสดงสถิติแบบเรียลไทม์ระหว่างการวิ่ง กลุ่มเป้าหมายหลักอย่างนักวิ่งสามารถดูความเร็ว ระยะทาง และเวลาได้โดยตรงบนหน้าจอล็อก ไม่ต้องหยุดวิ่งเพื่อเช็กข้อมูล ช่วยให้โฟกัสกับการออกกำลังกายได้เต็มที่
#4 Flighty
Flighty ถือเป็นหนึ่งในแอป Live Activities ที่ได้รับความนิยมสูง แอปติดตามเที่ยวบินนี้ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวแจ้งเตือนสถานะเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับผู้เดินทาง คุณสามารถดูสถานะเที่ยวบิน ข้อมูลประตูขึ้นเครื่อง และเวลานับถอยหลังสู่การออกเดินทางได้ทันทีบนหน้าจอล็อก
#5 FotMob
FotMob เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง Live Activities ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการอัปเดตผลกีฬา แฟนบอลสามารถติดตามผลการแข่งขันและสถานการณ์ของทีมโปรดได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเปิดแอป ทำให้ทราบความเคลื่อนไหวของเกมได้ตลอดเวลา
#6 Wolt
Wolt คือแอปส่งอาหารที่ใช้ Live Activities แจ้งสถานะการจัดส่งแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันคำสั่งซื้อ ขั้นตอนการเตรียมอาหาร หรือเวลาที่จะได้รับอาหาร คุณจึงรู้ได้ทันทีว่าควรคาดหวังรับอาหารเมื่อไร
#7 Money Coach
Money Coach เป็นตัวอย่าง Live Activities ที่น่าสนใจสำหรับแอปการเงิน แอปนี้ผสานฟีเจอร์กิจกรรมสดเข้าไป ทำให้ผู้ใช้เพิ่มรายการธุรกรรมและตรวจสอบรายรับรายจ่ายได้สะดวกและรวดเร็ว
#8 CARROT Weather
CARROT Weather เป็นแอปที่ช่วยให้ผู้ใช้ติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองได้อย่างใกล้ชิด แอปนี้ใช้ Live Activities ของ iPhone แจ้งข้อมูลสภาพอากาศปัจจุบัน อุณหภูมิ และการเตือนภัยสภาพอากาศรุนแรงแบบเรียลไทม์
#9 Transit
Transit เป็นตัวอย่าง Live Activities ที่โดดเด่นด้านประสบการณ์ผู้ใช้ แอปนี้ช่วยนำทางการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ โดยแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น เส้นทาง เวลา และแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ บนหน้าจอล็อกแบบเรียลไทม์
#10 Coffee Book
Coffee Book เป็นแอปสำหรับคนรักกาแฟและทุกเรื่องเกี่ยวกับการชงกาแฟให้สมบูรณ์แบบ ฟีเจอร์ใหม่จาก Apple ช่วยให้แอปนี้สามารถแสดงตัวจับเวลาชงกาแฟได้ตลอดเวลา ทำให้คอกาแฟมั่นใจว่าจะได้ดื่มกาแฟแก้วโปรดของตนเองเสมอ
#11 Forest
Forest เป็นแอปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานตลอดทั้งวัน พร้อมติดตามการใช้เวลาของคุณ ด้วยฟีเจอร์ live activity คุณสามารถเริ่ม session ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ต้องเปิดแอป
#12 Calzy
Calzy ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่าง activity list ที่โดดเด่น เพราะเป็นแอปเครื่องคิดเลข โดยแอปนี้ได้ผสานฟีเจอร์ live activity ให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้โดยตรงจากหน้าจอล็อก เพิ่มความสะดวกสบายอย่างมากจนทำให้ Calzy ติดอันดับแอปยอดนิยมในหมวด productivity บน App Store
ไม่ใช่แค่ Live Activities – ตัวช่วยการแจ้งเตือนแบบพุชที่ดีที่สุดของคุณ: EngageLab
แม้ว่า live activities บน iPhone จะเป็นวิธีใหม่ที่น่าตื่นเต้นในการสร้าง engagement กับผู้ใช้ แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดมือถือที่ประสบความสำเร็จ หากคุณต้องการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง คุณต้องใช้ทุกฟีเจอร์ที่มี โดยเฉพาะการแจ้งเตือนแบบพุช ซึ่ง EngageLab คือเครื่องมือแบบ all-in-one ที่ช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์มือถือได้ครบจบในแพลตฟอร์มเดียว
EngageLab คือแพลตฟอร์มเชื่อมต่อกับลูกค้าสำหรับธุรกิจของคุณ ให้คุณสื่อสารกับลูกค้าผ่านทุกช่องทางที่คุณใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ live activities, การแจ้งเตือนแบบพุช, web notification หรือแคมเปญอีเมล EngageLab มีเครื่องมือและระบบวิเคราะห์ที่ครบถ้วนสำหรับการตลาดยุคใหม่
เริ่มใช้งานฟรีและสิ่งที่ดีที่สุดคือ EngageLab เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ทันที ขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างการแจ้งเตือนแบบพุชมีดังนี้:
1. สมัครสมาชิก: เริ่มต้นด้วยการสมัครใช้งาน EngageLab ขั้นตอนง่ายมาก เพียงกรอกอีเมลและรหัสผ่าน หรือจะสมัครผ่าน Google, Facebook, Apple หรือ GitHub ก็ได้เช่นกัน
2. เชื่อมต่อแอปของคุณ: จากนั้นตั้งค่าและเชื่อมต่อ EngageLab กับแอปของคุณ โดยใช้ SDK ที่มีให้ใช้ฟรี เมื่อเชื่อมต่อแล้ว คุณก็พร้อมสร้างการแจ้งเตือนแบบพุชได้ทันที
3. สร้างการแจ้งเตือนแบบพุช: ใช้งานอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายของ EngageLab เพื่อสร้างการแจ้งเตือนแบบพุชของคุณ สามารถดูตัวอย่างการแสดงผลบนอุปกรณ์ iOS และ Android ได้โดยตรง
4. วิเคราะห์และปรับปรุง: EngageLab มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ ข้อมูลเหล่านี้จะพร้อมใช้งานทันทีเมื่อคุณเริ่มส่งการแจ้งเตือนแบบพุช และช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้:
อย่างที่เห็น การตั้งค่าและเริ่มต้นใช้งาน EngageLab นั้นง่ายมาก ฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะกับธุรกิจของคุณ มีดังนี้:
EngageLab รองรับช่องทางการสื่อสารหลากหลาย เช่น SMS, อีเมล, การแจ้งเตือนแบบพุช, WhatsApp Business API และ OTP เป็นต้น
แพลตฟอร์มนี้มีเครื่องมือกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการแบ่งกลุ่มที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้คุณสร้างแคมเปญสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม เช่น คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการแจ้งเตือนแบบพุช
ด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ คุณสามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญได้ทันที ช่วยประเมินความสำเร็จและปรับปรุงแคมเปญได้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
EngageLab ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการขยายขนาดธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะเป็นสตาร์ทอัพขนาดเล็กหรือบริษัทขนาดกลาง EngageLab ก็สามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณได้
สรุป
ตัวอย่าง live activities เหล่านี้ได้เปิดโอกาสใหม่ในการสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบที่ตรงและทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วย EngageLab คุณสามารถผสานฟีเจอร์ live activities เข้ากับกลยุทธ์การสื่อสารของคุณได้อย่างไร้รอยต่อ ควบคู่กับช่องทางอื่น ๆ
สมัครทดลองใช้งาน EngageLab ฟรีวันนี้ แล้วเริ่มเชื่อมต่อกับผู้ใช้ของคุณในรูปแบบที่มีความหมายมากยิ่งขึ้น!
รับส่วนลดพิเศษ







