เชี่ยวชาญศิลปะการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย [พร้อมทิปส์]

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ แพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้การแจ้งเตือนแบบพุชเพื่อเตือนให้ทราบถึงการอัปเดตของเพื่อน แจ้งข่าวสารที่กำลังเป็นกระแส หรือบอกว่ามีข้อความใหม่เข้ามา ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใด การแจ้งเตือนก็คือสิ่งที่เชื่อมโยงแพลตฟอร์มโซเชียลกับผู้ใช้ และทำให้ผู้ใช้ยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่อง

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับกลยุทธ์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียที่ดีที่สุดจากแพลตฟอร์มยอดนิยม พร้อมทั้งแชร์ทิปส์สำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างการแจ้งเตือนแบบพุชที่ดึงดูดใจลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย

คงไม่เกินจริงหากจะบอกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอย่าง Facebook, X, Instagram, LinkedIn และ TikTok ต่างก็เชี่ยวชาญศิลปะการแจ้งเตือนแบบพุช

แต่ละแพลตฟอร์มต่างมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์หลักของแต่ละแพลตฟอร์ม นี่คือวิธีเดียวที่จะทำให้การแจ้งเตือนมีความตรงเวลา ตรงใจ และดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนนี้ เราจะเจาะลึกกลยุทธ์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียของแต่ละแพลตฟอร์ม

Facebook

• กลยุทธ์: Facebook ใช้การแจ้งเตือนแบบเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเพื่อนและความสนใจของผู้ใช้ เช่น แจ้งเตือนคำขอเป็นเพื่อนใหม่ การถูกใจ คอมเมนต์ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เน้นความเป็นโซเชียล กระตุ้นให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเพื่อนอยู่เสมอ
• ความยาวข้อความ: การแจ้งเตือนมีความกระชับ โดยปกติไม่เกิน 100 ตัวอักษร
• ข้อกำหนดของรูปภาพ: มีรูปภาพขนาดย่อ (thumbnail) ในการแจ้งเตือน โดยมักเป็นอัตราส่วน 1:1 ขนาดขั้นต่ำ 64x64 พิกเซล
• ข้อจำกัด: ผู้ใช้สามารถตั้งค่าจำกัดความถี่ และเลือกประเภทการแจ้งเตือนที่ต้องการรับได้

X

• กลยุทธ์: X (ชื่อเดิม Twitter) ส่งการแจ้งเตือนแบบเฉพาะบุคคลสำหรับข้อความตรง (Direct Message) การกล่าวถึง (Mention) การรีทวีต และการถูกใจ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถติดตามหัวข้อที่สนใจและรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังเป็นกระแสที่เกี่ยวข้องกับตนเองได้อีกด้วย
• ความยาวข้อความ: การแจ้งเตือนของ X มักสั้นมาก ไม่เกิน 50 ตัวอักษร เพื่อให้แสดงผลได้ดีบนมือถือ
• ข้อกำหนดของรูปภาพ: รูปภาพควรมีอัตราส่วน 1.91:1 ขนาดแนะนำ 1200x675 พิกเซล
• ข้อจำกัด: ผู้ใช้สามารถปิดเสียงการแจ้งเตือนจากบัญชีหรือหัวข้อที่ไม่สนใจได้

Instagram

• กลยุทธ์: Instagram เน้นการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการถูกใจ คอมเมนต์ ข้อความตรง รวมถึงอัปเดตสตอรี่ ไลฟ์สดจากบัญชีที่ติดตาม และแนะนำโปรไฟล์ใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ขยายฐานผู้ติดตาม
• ความยาวข้อความ: การแจ้งเตือนของ Instagram มักสั้นและตรงประเด็น ประมาณ 60 ตัวอักษร
• ข้อกำหนดของรูปภาพ: ใช้รูปภาพขนาดย่อแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดขั้นต่ำ 80x80 พิกเซล
• ข้อจำกัด: ผู้ใช้สามารถเลือกประเภทและความถี่ของการแจ้งเตือนที่ต้องการรับได้ตามต้องการ

LinkedIn

• กลยุทธ์: LinkedIn ยังคงเน้นภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพในกลยุทธ์การแจ้งเตือน โดยจะส่งอัปเดตที่เกี่ยวกับงานให้กับผู้ใช้ เช่น คำขอเชื่อมต่อ ข้อความ การรับรองทักษะ และคำแนะนำงาน
• ความยาวข้อความ: การแจ้งเตือนของ LinkedIn จะสั้น กระชับ ประมาณ 80 ตัวอักษร และใช้โทนภาษาที่เป็นทางการ
• ข้อกำหนดของรูปภาพ: รูปภาพที่ใช้ในแจ้งเตือนของ LinkedIn จะเป็นอัตราส่วน 1:1 โดยขนาดที่แนะนำคือ 100x100 พิกเซล
• ข้อจำกัด: ผู้ใช้สามารถเลือกประเภทของการแจ้งเตือนที่ต้องการรับได้ตามหมวดหมู่ เช่น แจ้งเตือนงาน ข้อความ หรือการเข้าชมโปรไฟล์

TikTok

• กลยุทธ์: TikTok ส่งการแจ้งเตือนถึงผู้ใช้เมื่อมีคอมเมนต์ ไลก์ ข้อความตรง และอัปเดตผู้ติดตาม รวมถึงช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบคอนเทนต์ใหม่ ๆ ด้วยการแจ้งเตือนแนะนำวิดีโอ
• ความยาวข้อความ: การแจ้งเตือนจะสั้นมาก โดยปกติไม่เกิน 50 ตัวอักษร
• ข้อกำหนดของรูปภาพ: ใช้ภาพตัวอย่าง (thumbnail) อัตราส่วน 1:1 โดยขนาดขั้นต่ำคือ 108x108 พิกเซล
• ข้อจำกัด: ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อเลือกรับเฉพาะประเภทที่ต้องการได้

แพลตฟอร์ม

เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เราได้สรุปกลยุทธ์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียทั้งหมดไว้ในตารางด้านล่างนี้:

วิธีจัดการการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย

หากคุณต้องการเชี่ยวชาญการสร้างการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย สิ่งสำคัญคือต้องรู้วิธีวางกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนนี้ คุณจะได้พบกับทิปส์และเทคนิคที่ช่วยให้คุณสร้างและจัดการการแจ้งเตือน เพื่อให้ลูกค้าของคุณมีส่วนร่วมอยู่เสมอ

นี่คือสิ่งที่ควรทำ:

1 ปรับแต่งการแจ้งเตือนให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

การปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalization) คือหัวใจของการตลาดยุคใหม่ และยังใช้ได้ผลกับการแจ้งเตือนแบบพุชด้วย ปรับแต่งการแจ้งเตือนให้เหมาะกับสิ่งที่แอปหรือเว็บไซต์ของคุณนำเสนอ รวมถึงพฤติกรรมและความชอบของผู้ใช้ เพื่อให้การแจ้งเตือนมีความเกี่ยวข้องและไม่สร้างความรำคาญ นอกจากนี้ ควรให้ผู้ใช้เลือกประเภทและความถี่ของการแจ้งเตือนได้เอง

2 ปรับความยาวและเนื้อหาข้อความให้เหมาะสม

จากกลยุทธ์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียข้างต้น จะเห็นว่าข้อความส่วนใหญ่สั้นและกระชับ ดังนั้นควรทำให้ข้อความของคุณสั้น กระชับ และตรงประเด็น โดยไม่ลดสาระสำคัญ โดยเฉพาะกับการแจ้งเตือนแบบพุชที่ต้องให้ความสำคัญ เครื่องมืออย่างตัวอย่างการแสดงผลของ EngageLab จะช่วยให้คุณเห็นว่าผู้ใช้จะเห็นการแจ้งเตือนของคุณอย่างไรบนหน้าจอ

3 ใช้ภาพและองค์ประกอบที่ดึงดูดความสนใจ

ตรวจสอบขนาดรูปภาพให้เหมาะสมและนำมาใช้กับการแจ้งเตือนของคุณ อย่าลังเลที่จะเพิ่มองค์ประกอบที่ดึงดูด เช่น อีโมจิ เครื่องหมายอัศเจรีย์ หรืออักขระพิเศษ EngageLab ช่วยให้คุณเพิ่มองค์ประกอบเหล่านี้ได้ง่ายในการแจ้งเตือน

4 ทดสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการแจ้งเตือน

วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพของการแจ้งเตือน คือการตรวจสอบสถิติและทดสอบข้อความหลายเวอร์ชัน เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราการมีส่วนร่วม EngageLab มีสถิติสำหรับการแจ้งเตือนแบบพุชและข้อมูลผู้ใช้ ให้คุณวิเคราะห์ความสำเร็จของกลยุทธ์ได้อย่างละเอียด

5 ตั้งเวลาส่งการแจ้งเตือนอย่างชาญฉลาด

ในการวางกลยุทธ์การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย ต้องให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่เหมาะสม EngageLab ช่วยให้คุณตั้งเวลาส่งการแจ้งเตือนได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อความจะถูกส่งถึงผู้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมและมีอัตราการเข้าถึงสูง นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบวนซ้ำได้ โดยระบุช่วงเวลาและความถี่ที่ต้องการ

ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนโซเชียล! ครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่มด้วย EngageLab

EngageLab คือเครื่องมือทรงพลังที่ไม่ได้ใช้แค่สำหรับการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่ยังรองรับทุกช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าของคุณ แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยชุดเครื่องมือขั้นสูง คุณสามารถสร้างและจัดการแคมเปญอีเมล ส่ง SMS และการแจ้งเตือนแบบพุช รวมถึงสร้าง OTP และกระตุ้นการสื่อสารผ่าน WhatsApp ได้อย่างสะดวก

เริ่มใช้ฟรี

ฟีเจอร์เด่นของการแจ้งเตือนแบบพุชที่ทำให้ EngageLab เป็นเครื่องมือที่โดดเด่น มีดังนี้:

• รองรับหลายแพลตฟอร์ม: EngageLab รองรับการเชื่อมต่อกับทุกระบบปฏิบัติการ ให้คุณจัดการการแจ้งเตือนได้จากแดชบอร์ดเดียว
• AI-powered ขั้นสูง: EngageLab ผสานเครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติด้วย AI Agent เพียงคลิกเดียว ส่งการแจ้งเตือนไปยังกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกได้ทันที
• วิเคราะห์เชิงลึก: EngageLab ให้ข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการแจ้งเตือนและสถิติผู้ใช้ เพื่อให้คุณปรับกลยุทธ์ได้ตามข้อมูลแบบเรียลไทม์
• การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย: ขณะสร้างการแจ้งเตือน คุณสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพื่อส่งการแจ้งเตือนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

วิธีใช้ EngageLab: คู่มือทีละขั้นตอน

สร้างบัญชี EngageLab ของคุณ: หากต้องการใช้ EngageLab กรุณาลงทะเบียนก่อน เพียงกรอกอีเมลและรหัสผ่านเพื่อสร้างบัญชีฟรีของคุณ หรือสมัครผ่านบัญชี Google, Facebook, Apple หรือ GitHub ก็ได้เช่นกัน

เชื่อมต่อแอปของคุณ: ขั้นตอนสำคัญคือการตั้งค่าแอปของคุณใน EngageLab และเชื่อมต่อโดยการดาวน์โหลด SDK ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีในคอนโซล EngageLab ทั้งสำหรับ Android และ iOS

สร้างการแจ้งเตือนแบบพุช: ไปที่เมนู "ผลักดัน " ที่แถบด้านข้าง แล้วเลือก "ข้อความแจ้งเตือน" จากนั้นเลือกประเภทอุปกรณ์และกรอกข้อความการแจ้งเตือน เลือกกลุ่มเป้าหมายและตั้งเวลาส่งการแจ้งเตือนตามต้องการ

ตรวจสอบสถิติของคุณ: EngageLab ให้คุณดูข้อมูลวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ เพียงคลิกที่ "สถิติการผลักดัน" ที่แถบด้านข้าง ดูข้อมูลสถิติและปรับแต่งแคมเปญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

สรุปท้ายบทความ

การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ หากคุณใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์เหล่านี้ จะช่วยดึงผู้ใช้กลับมาใช้งานแอปและสร้างความสนใจในฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และด้วย EngageLab การสร้างและจัดการการแจ้งเตือนเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย สมัครใช้งาน EngageLab วันนี้และทดลองใช้ฟีเจอร์ฟรี เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาดผ่านการแจ้งเตือนแบบพุชของคุณให้เหนือกว่าเดิม!

เริ่มใช้ฟรี