avatar

มินตรา

อัปเดต: 2025-10-10

3378 การดู, 5 min การอ่าน

การแจ้งเตือนแบบพุช (Push notifications) เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ดี โดยการแจ้งเตือนมีหลายรูปแบบ ซึ่งการแจ้งเตือนแบบ Rich Push ถือเป็นประเภทสำคัญที่ควรรู้จัก เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ให้มากที่สุด

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักข้อดีต่าง ๆ ของการแจ้งเตือนแบบ Rich Push พร้อมตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมัน

มาเริ่มต้นทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อน

การแจ้งเตือน Rich Push

Rich Push Notifications คืออะไร?

การแจ้งเตือนแบบ Rich Push แตกต่างจากการแจ้งเตือนทั่วไป เพราะสามารถแนบภาพ วิดีโอ หรือ GIF เพื่อเสริมข้อความและกระตุ้นให้ผู้รับดำเนินการบางอย่าง

พูดง่าย ๆ คือ การแจ้งเตือนแบบ Rich Push คือข้อความป๊อปอัปที่ผู้ใช้ได้รับพร้อมไฟล์มีเดีย เช่น เสียง วิดีโอ GIF เนื้อหาแบบอินเทอร์แอคทีฟ และปุ่ม CTA จึงมักถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนอีเมลขนาดย่อม

Rich Push Notifications คืออะไร

การแจ้งเตือนแบบ Rich Push ทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS มีประโยชน์ในการสื่อสารกับผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะไม่ได้เข้าแอปหรือเว็บไซต์ของคุณบ่อย หนึ่งในจุดเด่นคือผู้ใช้สามารถดำเนินการบางอย่างได้จากหน้าจอล็อก โดยไม่ต้องเปิดแอป

แอป เว็บไซต์ แบรนด์ และบริษัทหลากหลายประเภทใช้การแจ้งเตือนแบบ Rich Push เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ซื้อสินค้า หรือสมัครเข้าร่วมกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น

Rich Push Notifications ทำงานอย่างไร?

เทคโนโลยี Push เป็นพื้นฐานของการแจ้งเตือนแบบ Rich Push โดยเทคโนโลยีนี้จะผลักข้อมูลไปยังผู้ใช้เมื่อผู้ส่งต้องการ โดยไม่ต้องรอให้ผู้ใช้ร้องขอข้อมูล

ขั้นตอนหลักของการทำงาน Rich Push Notification มีดังนี้:

  • Development: ต้องพัฒนาแอปให้รองรับการส่ง Rich Push Notification ด้วยเครื่องมือ เทคโนโลยี และสิทธิ์ที่เหมาะสม เพื่อให้โค้ดรองรับการส่งได้
  • Triggers: เพิ่ม Trigger หรือกำหนดเวลาส่งแจ้งเตือนในโค้ดของแอป เช่น เมื่อผู้ใช้เพิ่มสินค้าในรถเข็นแต่ยังไม่ได้สั่งซื้อ
  • Notification Creation: แอปจะสร้างข้อความแจ้งเตือนตามเวลาที่กำหนด หรือเมื่อเกิด Trigger โดยควรมีข้อความและเนื้อหามัลติมีเดียที่เหมาะสม
  • Service Provider: การแจ้งเตือนแบบ Rich Push จะถูกส่งไปยังผู้ให้บริการ เช่น Apple Push Notification service สำหรับ iOS
  • Send Notification: ผู้ให้บริการจะรับผิดชอบส่ง Rich Push Notification ไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้จะเห็นและโต้ตอบกับการแจ้งเตือนได้

อุปกรณ์ใดรองรับ Rich Push Notifications บ้าง?

แม้อุปกรณ์และระบบปฏิบัติการหลัก ๆ จะรองรับการแจ้งเตือนแบบ Rich Push แต่ก็มีความแตกต่างสำคัญระหว่าง iOS กับอุปกรณ์อื่น ๆ

iOS Rich Push Notifications

Apple รองรับการแจ้งเตือนแบบ Rich Push ได้สูงสุด โดยสามารถแนบไฟล์มีเดียได้หลากหลาย เช่น

  • ไฟล์ภาพ PNG, JPEG, และ GIF
  • ไฟล์วิดีโอ AIFF, WAV, MP3, และ M4A
  • ไฟล์เสียง MPEG, MPEG2, MP4, และ AVI

นอกจากนี้ การแจ้งเตือนแบบ Rich Push บนอุปกรณ์ iOS ยังสามารถใส่ Alternative Text สำหรับเบราว์เซอร์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่รองรับได้อีกด้วย แนะนำให้ใส่ Alternative Text ทุกครั้ง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเข้าถึงเนื้อหาได้ครบถ้วน

Android Rich Push Notifications

ต่างจาก iOS อุปกรณ์ Android รองรับการแจ้งเตือนแบบ Rich Push ในรูปแบบจำกัด โดยสามารถส่งภาพขนาดใหญ่ได้เฉพาะไฟล์ JPEG หรือ PNG หากต้องการแชร์มีเดียประเภทอื่น ต้องแนบเป็นลิงก์แทนการแนบไฟล์โดยตรงในแจ้งเตือน

ควรระวังหากต้องการส่งไฟล์ GIF ใน Rich Push Notification ของ Android แม้จะแนบไฟล์ได้ แต่จะแสดงผลเฉพาะเฟรมแรกเท่านั้น ผู้รับจะไม่เห็นภาพเคลื่อนไหวทั้งหมด

เบราว์เซอร์

การรองรับ Rich Push Notification บนเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปยังมีข้อจำกัดมาก โดยเวอร์ชันล่าสุด เช่น Chrome 56 รองรับการแจ้งเตือนพร้อมภาพขนาดใหญ่บน Android และ Windows เท่านั้น แต่ยังไม่รองรับบน iOS หรือ Mac

ควรใช้ Rich Push Notifications เมื่อไร? (พร้อมตัวอย่าง)

Rich push notifications มี use case หลากหลาย เพราะสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการได้หลายแบบ คุณสามารถใช้ video และ image หลายประเภทใน rich push notifications เพื่อสร้างความประทับใจให้ user และโดดเด่นกว่าคู่แข่งที่อาจใช้การแจ้งเตือนธรรมดาและน่าเบื่อ

ตัวอย่างสถานการณ์ที่สามารถใช้ rich push notifications ได้แก่:

โปรโมต app update ที่กำลังจะมา, เปิดตัว product ใหม่ หรือบริการพิเศษ ด้วย image หรือ video ที่น่าสนใจ

ส่งอัปเดตด่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดในพื้นที่ หรือข่าวสำคัญระดับประเทศ

การแจ้งเตือน Rich Push สำหรับข่าวสาร

ที่มา: https://www.jeeng.com/

กระตุ้นให้ user ใช้แอปหรือเข้าเว็บไซต์ ด้วยการส่ง discount, sale, และ promo code

การแจ้งเตือน Rich Push สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้งาน

ที่มา: https://clevertap.com/

เชิญ user ลงทะเบียนเข้าร่วม event ที่กำลังจะจัดขึ้น

การแจ้งเตือน Rich Push พร้อมส่วนลด

ที่มา: https://leanplum-wordpress.storage.googleapis.com/

แจ้งเตือน user เกี่ยวกับ product ที่ถูกทิ้งไว้ใน shopping cart

การแจ้งเตือน Rich Push สำหรับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง

ที่มา: https://www.notifyvisitors.com/

แนะนำ product ให้ user ตามประวัติการซื้อหรือดูสินค้า

การแจ้งเตือน Rich Push สำหรับแนะนำสินค้า

ที่มา: https://clevertap.com/

ต้อนรับ user ใหม่ด้วย GIF ที่ขำขันหรือดึงดูดใจใน rich push notifications

การแจ้งเตือน Rich Push ต้อนรับแบบเฉพาะบุคคล

ที่มา: https://clevertap.com/

โดยรวมแล้ว ยังมีวิธีสร้างสรรค์อีกมากมายในการใช้ rich push notifications เพื่อ engage กับ audience และเพิ่ม interaction เป้าหมายหลักของการแจ้งเตือน Rich Push คือทำให้ดูน่าสนใจและดึงดูดใจจน user ไม่สามารถเมินเฉยได้

วิธีสร้างการแจ้งเตือน Rich Push ที่ดูสะอาดตาและเข้าถึงง่าย

เพราะเป้าหมายหลักของการใช้ rich push notifications คือเพิ่ม engagement กับ user จึงมีสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสื่อสารข้อความได้ตรงจุด

1. เขียนเนื้อหาที่ดึงดูดใจ

แม้ media attachment จะสำคัญสำหรับ rich push notification แต่ content ก็ยังเป็นหัวใจหลัก คุณควรเขียน copy ที่น่าสนใจภายใน character limit ที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้รับเข้าใจข้อความได้รวดเร็ว

หากเกิน character limit อาจทำให้ user เบื่อหรือข้อความแสดงไม่ครบ ดังนั้นควรเขียน message ให้สั้น กระชับ และได้ใจความ

เขียนเนื้อหาใน Engagelab

2. ปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้เหมาะสม

การใช้เนื้อหาที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมมีความสำคัญเพื่อให้การส่งการแจ้งเตือนแบบพุชถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับแต่ง (Optimization) หมายถึงการทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยยังคงคุณภาพสูงไว้ ในอุดมคติควรใช้ภาพไม่เกิน 5MB, วิดีโอไม่เกิน 50MB และเสียงไม่เกิน 10MB

หากคุณปฏิบัติตามแนวทางการปรับแต่งและข้อจำกัดขนาดไฟล์ จะช่วยให้คุณส่งเนื้อหาที่น่าสนใจได้สำเร็จและบรรลุเป้าหมายของการแจ้งเตือน Rich Push ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกใช้ผู้ให้บริการส่งการแจ้งเตือนแบบพุชที่เหมาะสม เช่น EngageLab ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าแพลตฟอร์มสามารถรองรับเนื้อหาขนาดใหญ่และส่งต่อได้จริง

3. ใช้แพลตฟอร์ม Customer Engagement

การเลือกใช้แพลตฟอร์ม Customer Engagement ที่ทันสมัยและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าแพลตฟอร์มที่คุณเลือกสามารถรองรับความต้องการในการส่งการแจ้งเตือน Rich Push ข้ามระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้

คุณอาจมีหลายแอปที่ต้องการส่งการแจ้งเตือนแบบพุชไปยังผู้ใช้ นอกจากนี้ยังอาจต้องการทำให้กระบวนการทั้งหมดเป็นอัตโนมัติเพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน

ในกรณีเช่นนี้ แนะนำให้พิจารณาใช้ EngageLab เพราะมีตัวเลือกมากมายในการตั้งค่าและทำงานอัตโนมัติสำหรับการแจ้งเตือน Rich Push

ฟีเจอร์ของ EngageLab สำหรับการแจ้งเตือนแบบพุช

4. เลือกเวลาส่งที่เหมาะสม

การเลือกเวลาส่งการแจ้งเตือน Rich Push ที่เหมาะสมถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการทั้งหมด คุณไม่ควรส่งการแจ้งเตือนแบบพุชซ้ำ ๆ เพราะอาจสร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ และอาจทำให้ผู้ใช้ลบแอปทิ้งได้

ทางที่ดีควรตั้งค่า Smart Trigger เพื่อส่งการแจ้งเตือน Rich Push ให้เหมาะสม ด้วย EngageLab คุณสามารถตั้งเวลาส่งที่เหมาะสม เลือกวันหรือเวลาที่ต้องการ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการแจ้งเตือนในช่วงเวลาที่มีโอกาสได้ผลมากที่สุด

ตั้งเวลาส่งการแจ้งเตือนใน EngageLab

5. เพิ่ม CTA

การส่งการแจ้งเตือน Rich Push หมายถึงคุณต้องการให้ผู้รับเกิดการกระทำบางอย่าง ดังนั้นควรมีปุ่ม Call-to-action (CTA) ที่โต้ตอบได้ในแจ้งเตือน พร้อมเนื้อหามีเดียที่น่าสนใจ

ตัวอย่างเช่น CTA อาจเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้า หรือเปิดเว็บไซต์เพื่อดูสินค้า/บริการที่ต้องการ คุณยังสามารถเพิ่ม CTA แบบ "เตือนฉันอีกครั้ง" เพื่อให้แอปส่งการแจ้งเตือน Rich Push อีกครั้งในภายหลัง วิธีนี้จะช่วยเพิ่ม Engagement กับผู้ใช้ได้มากขึ้น

6. เพิ่มสื่อที่ดึงดูดใจ

สื่อที่คุณเลือกใช้ในการแจ้งเตือนแบบพุชควรเกี่ยวข้องกับแบรนด์และดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ ไม่ควรใช้ภาพที่ไม่เกี่ยวข้องหรือภาพทั่วไป เพราะผู้ใช้สมัยนี้รู้ทันว่าคอนเทนต์ไหนเป็นแค่ Copy-Paste ไม่มีความคิดสร้างสรรค์

แบรนด์ควรสร้างภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เพื่อให้ผู้ใช้ไม่เลื่อนผ่านการแจ้งเตือน นอกจากนี้ คุณต้องคำนึงถึงรูปแบบไฟล์และขนาดที่รองรับของ Android และ iOS ในการแนบไฟล์สื่อ เพื่อให้ผู้รับทุกคนสามารถดูไฟล์ได้

เริ่มใช้ฟรี

FAQs

  • 1

    ความสำคัญของการแจ้งเตือน Rich Push คืออะไร?

    การแจ้งเตือน Rich Push รวมทั้งเนื้อหาข้อความและไฟล์มีเดียต่าง ๆ จึงมีความสำคัญในการเพิ่มการมีส่วนร่วมและการโต้ตอบกับผู้ใช้ แอปแต่ละประเภทสามารถใช้การแจ้งเตือนนี้เพื่อโปรโมตสินค้า กิจกรรม ส่วนลด และกระตุ้นให้ผู้ใช้กลับมาใช้งานแอปอีกครั้ง
  • 2

    การแจ้งเตือน Rich Push มีประสิทธิภาพมากกว่าการแจ้งเตือนแบบธรรมดาหรือไม่?

    ใช่! การแจ้งเตือน Rich Push มีไฟล์มีเดียและเนื้อหาที่ดึงดูดสายตา ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าในด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์เมื่อเทียบกับกลยุทธ์แบบข้อความธรรมดาอย่างการแจ้งเตือนทั่วไป
  • 3

    จะใช้การแจ้งเตือนสำหรับธุรกิจใหม่ของคุณได้อย่างไร?

    คุณสามารถใช้การแจ้งเตือน Rich Push สำหรับธุรกิจใหม่ของคุณได้โดยการต้อนรับสมาชิกใหม่และส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการทั้งในปัจจุบันและที่กำลังจะมาถึง

สรุป

เมื่อใช้อย่างถูกต้อง การแจ้งเตือน Rich Push มีศักยภาพสูงในการสร้างกระแสให้กับแอปหรือธุรกิจของคุณ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้ผ่านเนื้อหาภาพและเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้ใช้ประจำ

EngageLab คือแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่สามารถช่วยคุณในเส้นทางนี้ได้เช่นกัน คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EngageLab และนำไปใช้ในการทำแคมเปญการแจ้งเตือน Rich Push แบบอัตโนมัติ รวมถึงสื่อสารกับผู้ใช้ของคุณผ่านการแจ้งเตือนที่ตั้งเวลาได้อย่างเหมาะสม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EngageLab เพื่อให้ธุรกิจของคุณง่ายขึ้น