ปัจจุบัน WhatsApp มีผู้ใช้งานนับล้านทั่วโลก กลายเป็นแอปส่งข้อความอันดับหนึ่งทั้งสำหรับบุคคลทั่วไปและธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การ ถูกบล็อกบน WhatsApp ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ หากอีกฝ่ายไม่ต้องการติดต่อกับคุณต่อไป
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีคนบล็อกเราบน WhatsApp หรือไม่? และที่สำคัญกว่านั้น คุณจะป้องกันปัญหานี้ในการสื่อสารของบริษัทได้อย่างไร? อ่านคู่มือนี้เพื่อหาคำตอบ!
Part 1. วิธีเช็กว่าคุณถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่ (สำหรับผู้ใช้ทั่วไป)
หากคุณกำลังสงสัยว่า "จะรู้ได้อย่างไรว่าถูกบล็อกบน WhatsApp" แสดงว่าคุณอาจกำลังเจอสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จักที่หยุดติดต่อกับคุณ คุณสามารถสังเกตได้ว่าถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่ แม้ WhatsApp จะไม่แจ้งเตือนโดยตรง แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่ช่วยให้คุณสังเกตได้
สัญญาณที่บอกว่าคุณอาจถูกบล็อกบน WhatsApp มีดังนี้:
#1 ไม่เห็นสถานะ Last Seen หรือ Online ของอีกฝ่าย
หนึ่งในสัญญาณที่พบบ่อยว่าคุณถูกบล็อก คือคุณจะไม่เห็น "last seen" หรือ "online" ในหน้าต่างแชท โดยปกติในห้องแชทจะมีข้อความใต้ชื่อผู้ติดต่อ เช่น "last seen เมื่อคืนนี้เที่ยงคืน" ถ้าไม่เห็นข้อมูลนี้ อาจเป็นไปได้ว่าคุณถูกบล็อกบน WhatsApp อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์นี้เองเพื่อความเป็นส่วนตัว จึงไม่ใช่สัญญาณที่แน่นอน 100%
#2 รูปโปรไฟล์ไม่เปลี่ยน
ผู้ใช้ WhatsApp ทุกคนสามารถเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ได้ตลอดเวลา ถ้ารูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนเลย หรือหายไป อาจเป็นสัญญาณว่าคุณถูกบล็อก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเดิมของผู้ใช้นั้นว่าเคยเปลี่ยนรูปโปรไฟล์บ่อยหรือไม่
#3 ข้อความขึ้นเครื่องหมายถูกแค่ 1 อัน
บน WhatsApp เครื่องหมายถูกสีเทา 1 อัน หมายถึงข้อความถูกส่งออกไปแล้ว ส่วนเครื่องหมายถูก 2 อัน หมายถึงข้อความถูกส่งถึงปลายทางแล้ว สถานะนี้ช่วยให้รู้ว่าข้อความถึงผู้รับหรือยัง ถ้าข้อความของคุณขึ้นเครื่องหมายถูกแค่ 1 อัน ไม่ได้หมายความว่าถูกบล็อกเสมอไป อาจเพราะผู้ใช้อยู่นอกพื้นที่บริการ หรือปิดเครื่องอยู่ แต่ถ้าเครื่องหมายถูก 1 อันนี้ค้างนานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ก็มีโอกาสสูงว่าคุณถูกบล็อก
#4 โทรด้วยเสียงหรือวิดีโอไม่ได้
ถ้าคุณสงสัยว่า "จะรู้ได้อย่างไรว่าถูกบล็อกบน WhatsApp" ให้ลองโทรหาผู้ติดต่อที่สงสัยดู เพราะถ้าคุณถูกบล็อก จะไม่สามารถโทรด้วยเสียงหรือวิดีโอหาผู้ติดต่อรายนั้นได้เลย สายของคุณจะไม่ดังถึงปลายทาง และจะเห็นแค่หน้าจอ "กำลังโทร..." เท่านั้น
#5 เพิ่มอีกฝ่ายเข้ากลุ่มไม่ได้
สัญญาณสุดท้ายของการถูกบล็อกบน WhatsApp คือ เมื่อคุณพยายามเพิ่มบุคคลนั้นเข้ากลุ่ม แต่ไม่สามารถเพิ่มได้ และจะเห็นข้อความแจ้งว่า "ไม่สามารถเพิ่มผู้เข้าร่วมได้"
Part 2. วิธีที่ธุรกิจจะตรวจสอบว่าถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่
ในส่วนก่อนหน้านี้ เราได้แนะนำวิธีตรวจสอบว่ามีใครบล็อกคุณบน WhatsApp สำหรับบัญชีส่วนตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบว่าบัญชีธุรกิจถูกบล็อกนั้นซับซ้อนกว่า เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้ามีความหลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีสัญญาณบางอย่างที่คุณสามารถสังเกตได้ เพื่อดูว่าคุณถูกลูกค้าบางรายในรายชื่อผู้ติดต่อบล็อกหรือไม่
นี่คือวิธีดูว่ามีใครบล็อกคุณบน WhatsApp Business:
#1 ข้อความไม่ถูกส่งถึง
เช่นเดียวกับบัญชีส่วนตัว การตรวจสอบสถานะการส่งข้อความ (checkmark) คือสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าบัญชีธุรกิจของคุณถูกบล็อกบน WhatsApp หากข้อความที่ส่งถึงลูกค้าขึ้นเครื่องหมายถูกสีเทาเพียงขีดเดียวและไม่เคยเปลี่ยนสถานะเป็นส่งถึงเลย อาจเป็นสัญญาณว่าคุณถูกบล็อก
#2 ไม่มีการตอบกลับเป็นเวลานาน
การสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หมายถึงลูกค้ายังมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ หากลูกค้าหยุดตอบกลับแม้ว่าคุณจะพยายามติดต่อหลายครั้ง นี่ถือเป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเมื่อประกอบกับสัญญาณอื่น ๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งในการตรวจสอบว่าคุณถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่
#3 ไม่สามารถเพิ่มในรายชื่อบรอดแคสต์ได้
บัญชี WhatsApp Business ของคุณสามารถใช้ฟีเจอร์บรอดแคสต์เพื่อส่งข้อความหาผู้ติดต่อหลายรายพร้อมกันได้ หากลูกค้าบางรายในกลุ่มบรอดแคสต์ไม่เคยได้รับข้อความเลย อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาบล็อกบัญชีธุรกิจของคุณ เพื่อความแน่ใจว่าคุณถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่ ให้ตรวจสอบสถิติการส่งบรอดแคสต์ของคุณ
#4 สื่อสารไม่สำเร็จในหลายแคมเปญ
สุดท้าย หากผู้ใช้ไม่เคยได้รับหรือมีส่วนร่วมกับแคมเปญใด ๆ ของคุณเลย มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะบล็อกธุรกิจของคุณ อย่างไรก็ตาม อาจหมายถึงลูกค้าไม่ได้ใช้งานหรือได้ลบแอปออกจากอุปกรณ์แล้วเช่นกัน
Part 3. ทำอย่างไรถ้าคุณสงสัยว่าถูกบล็อกบน WhatsApp (สำหรับธุรกิจ)
เมื่อคุณรู้วิธีตรวจสอบแล้วว่าถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่ แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อ? สิ่งแรกที่ควรจำไว้คือ การถูกลูกค้าบล็อกไม่ได้แปลว่าคุณทำผิดเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณว่ากลยุทธ์การสื่อสารของคุณควรได้รับการปรับปรุง
ในส่วนนี้ เราขอแนะนำเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เพื่อยกระดับการสื่อสารทางธุรกิจของคุณโดยเรียนรู้จากกรณีที่ถูกบล็อกบน WhatsApp:
#1 วิเคราะห์สาเหตุที่ถูกบล็อก
ขั้นตอนแรกคือทำความเข้าใจสาเหตุที่ถูกบล็อกบน WhatsApp เมื่อคุณทราบว่าปัจจัยใดทำให้ลูกค้าหันหลังให้ คุณจะสามารถดำเนินการปรับปรุงการมีส่วนร่วมโดยรวมได้ สาเหตุที่พบบ่อยของการถูกบล็อกบน WhatsApp ได้แก่:
- ส่งข้อความมากเกินไป
- ส่งข้อความถี่เกินไป
- แชร์เนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้อง
- เลือกเวลาส่งข้อความไม่เหมาะสม
- ไม่ปรับแต่งการสื่อสารให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
- และไม่มอบสิ่งที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างชัดเจน
#2 ปรับปรุงกลยุทธ์การสื่อสาร
ขั้นตอนถัดไปเมื่อคุณถูกบล็อกบน WhatsApp คือเน้นการส่งข้อความที่เกี่ยวข้องและปรับแต่งเฉพาะบุคคล เช่น การแบ่งกลุ่มลูกค้าจะช่วยให้คุณส่งข้อความที่ตรงกับพฤติกรรมและลักษณะของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้มากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำ A/B Test เพื่อดูว่ารูปแบบเนื้อหาแบบใดที่ลูกค้าตอบรับมากที่สุด
#3 ปรับความถี่และช่วงเวลาของการส่งข้อความ
เมื่อคุณต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ ควรหลีกเลี่ยงการส่งข้อความถี่เกินไป เพราะในโลกธุรกิจ "น้อยแต่ได้ผล" คุณควรวางแผนตารางการส่งข้อความให้เหมาะสมและสม่ำเสมอโดยไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัด สิ่งที่ควรคำนึงถึงขณะวางแผน ได้แก่:
- ส่งข้อความในช่วงเวลาที่เหมาะสม
- คำนึงถึงเขตเวลาที่แตกต่างกันเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งข้อความตอนดึก
- จำกัดจำนวนข้อความต่อสัปดาห์ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
#4 สำรวจช่องทางการสื่อสารทางเลือก
หากคุณถูกบล็อกบน WhatsApp โดยผู้ใช้หลายราย นั่นอาจหมายความว่าแอปส่งข้อความนี้อาจไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ในกรณีนี้ ขอแนะนำให้พิจารณาพัฒนาช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ เช่น อีเมล, ส่ง SMS, การแจ้งเตือนแบบพุช และแม้แต่โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มแบบ Omnichannel อย่าง EngageLab จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาหลายช่องทางได้จากอินเทอร์เฟซเดียว
#5 เคารพการตัดสินใจของผู้ใช้
แม้ว่าการรู้วิธีตรวจสอบว่ามีใครบล็อกคุณบน WhatsApp จะเป็นประโยชน์ แต่คุณควรจำไว้ว่านี่คือสิทธิ์ของลูกค้า โปรดเคารพการตัดสินใจของพวกเขา และมองเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ใช่การถูกปฏิเสธ วิธีนี้จะช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์การมีส่วนร่วมได้ต่อเนื่อง และสร้างโอกาสเปลี่ยนผู้สนใจเป็นลูกค้าประจำ
Part 4. ทำไมต้องเลือกใช้บริการ WhatsApp Business API ของ EngageLab
การพัฒนากลยุทธ์ WhatsApp ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการลองผิดลองถูก และบางครั้งก็อาจถูกบล็อกบน WhatsApp อย่างไรก็ตาม EngageLab ช่วยให้ธุรกิจของคุณรับมือกับความซับซ้อนในการสร้างกลยุทธ์การสื่อสารบน WhatsApp ได้อย่างง่ายดายด้วยแพลตฟอร์ม API ที่ใช้งานสะดวก
สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย Smart Segmentation
ใน EngageLab คุณสามารถใช้เครื่องมือแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายชื่อลูกค้าตามพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากร รายชื่อที่เฉพาะเจาะจงเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล ที่จะช่วยรักษาการมีส่วนร่วมของลูกค้า
ควบคุมความถี่และช่วงเวลาในการส่งข้อความ
EngageLab เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตั้งเวลาส่งข้อความ WhatsApp ให้ถึงมือผู้รับในช่วงเวลาที่เหมาะสม อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการสร้างแคมเปญระดับโลก เพราะสามารถปรับตั้งเวลาส่งตามเขตเวลาต่าง ๆ ได้ ช่วยลดปัญหาการรบกวนลูกค้า ซึ่งมักนำไปสู่การถูกบล็อก
Omnichannel Messaging
EngageLab ไม่ได้จำกัดแค่ WhatsApp คุณสามารถสร้างกลยุทธ์สื่อสารแบบ Omnichannel ได้ในแพลตฟอร์มเดียว ทั้งอีเมล, ส่ง SMS, และการแจ้งเตือนแบบพุช ดังนั้น แม้ WhatsApp จะมีปัญหา คุณก็ยังคงมีช่องทางสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
วิเคราะห์ข้อมูลและการส่งข้อความแบบเรียลไทม์
แพลตฟอร์มนี้ให้คุณเข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าคุณจะใช้ช่องทางใดในการสื่อสารกับลูกค้า สำหรับ WhatsApp คุณจะได้รับทั้งการวิเคราะห์ Conversion และการวิเคราะห์ข้อความ พร้อมดูสถิติแคมเปญ WhatsApp ได้อย่างละเอียด
มาตรฐานความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
EngageLab รับรองการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก WhatsApp ซึ่งหมายความว่าสอดคล้องกับนโยบายธุรกิจของ WhatsApp อย่างครบถ้วน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ whatsapp business api เพิ่มเติมได้จากหัวข้อเหล่านี้:
ข้อคิดส่งท้าย
ในคู่มือนี้ คุณได้เรียนรู้วิธีตรวจสอบว่าถูกบล็อกบน WhatsApp หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการถูกบล็อกไม่ใช่จุดจบของโลก สำหรับธุรกิจแล้ว นี่คือโอกาสในการทบทวน ปรับปรุง และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีความหมายมากขึ้น ด้วย WhatsApp Business API จาก EngageLab คุณจะมีเครื่องมือครบถ้วนในการวิเคราะห์ ปรับตัว และเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้า
หากคุณพร้อมเปลี่ยนแปลงวิธีสื่อสารของธุรกิจบน WhatsApp สมัครใช้งาน EngageLab ได้เลยวันนี้ สร้างบัญชี EngageLab ฟรี แล้วสัมผัสความแตกต่างของการมีส่วนร่วมที่เหนือระดับ








