avatar

มินตรา

อัปเดต: 2025-10-21

2463 การดู, 6 min การอ่าน

ในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ มุ่งเน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและได้รับข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่คุณสามารถใช้ได้คือ การแจ้งเตือนในแอป ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารโดยตรงระหว่างแอปกับผู้ใช้ ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ โปรโมชั่น และข้อความเฉพาะบุคคล

ในบทความนี้ คุณจะได้รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการแจ้งเตือนในแอป พร้อมเปรียบเทียบกับการแจ้งเตือนแบบพุช (push notification) รวมถึงตัวอย่างจริงที่แสดงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของการสื่อสารในแอป

การแจ้งเตือนในแอป

ภาพรวมของการแจ้งเตือนในแอป

การแจ้งเตือนในแอปคืออะไร?

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การแจ้งเตือนในแอป หมายถึงข้อความที่ปรากฏขึ้นภายในแอปพลิเคชันขณะที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ ซึ่งการแจ้งเตือนนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ที่อยู่ในแอป และสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์ เช่น ขอรับฟีดแบ็กในแอป หรือทำแบบสำรวจภายในแอป

การแจ้งเตือนในแอปคืออะไร

การแจ้งเตือนในแอปทำงานอย่างไร?

คำถามต่อไปคือ การแจ้งเตือนในแอปทำงานอย่างไร โดยปกติแล้ว การแจ้งเตือนในแอปจะถูกกระตุ้นโดยการกระทำบางอย่างของผู้ใช้ ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าไว้ล่วงหน้า เช่น ผู้ใช้อาจได้รับแบบสำรวจในแอปหลังจากซื้อสินค้าผ่านแอป หรือเห็นข้อความต้อนรับเมื่อเปิดแอปครั้งแรก การแจ้งเตือนเหล่านี้จะเปลี่ยนไปตามเป้าหมายที่คุณต้องการและขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละคน

ข้อดีของการตลาดในแอป

การแจ้งเตือนในแอปเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่คุณสามารถนำมาใช้ในแอปของคุณ แล้วทำไมการตลาดในแอปถึงเป็นประโยชน์? แท้จริงแล้ว การแจ้งเตือนเหล่านี้มีข้อดีมากมายที่ทำให้เป็นหนึ่งในวิธีสื่อสารกับผู้ใช้ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยข้อดีของการแจ้งเตือนในแอป ได้แก่

  • เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้: เมื่อคุณใช้การแจ้งเตือนในแอป จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับแอปได้ง่ายขึ้น คุณสามารถให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและทันเวลา กระตุ้นให้ผู้ใช้ทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ สำรวจฟีเจอร์ใหม่ หรือกลับมาใช้งานแอปบ่อยขึ้น
  • สื่อสารแบบเฉพาะบุคคล: การกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ที่ใช้งานแอปอยู่แล้ว คุณสามารถนำข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น เพิ่มความพึงพอใจและทำให้ผู้ใช้ใช้เวลาในแอปของคุณนานขึ้น
  • เพิ่มอัตราการแปลง: การแจ้งเตือนในแอปสามารถเพิ่มอัตราการแปลง (conversion rate) ได้สูงขึ้น เพราะคุณเข้าถึงผู้ใช้โดยตรงและแสดงข้อความที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำในแอป
  • โต้ตอบแบบเรียลไทม์: การแจ้งเตือนประเภทนี้ช่วยให้คุณโต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมายได้แบบเรียลไทม์ขณะที่พวกเขากำลังใช้งานแอป

ความแตกต่างและความเหมือนระหว่างการแจ้งเตือนในแอปกับการแจ้งเตือนแบบพุช

ในจุดนี้ คุณอาจสงสัยว่าการแจ้งเตือนในแอปแตกต่างจาก การแจ้งเตือนแบบพุช อย่างไร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพ ในส่วนนี้เราจะเน้นทั้งความแตกต่างและความเหมือน เพื่อให้คุณเข้าใจทั้งสองเทคนิคได้อย่างชัดเจน

เปรียบเทียบการแจ้งเตือนในแอปกับการแจ้งเตือนแบบพุช

การแจ้งเตือนในแอปกับการแจ้งเตือนแบบพุชเหมือนกันอย่างไร?

ก่อนอื่นเรามาดูความเหมือนระหว่างการแจ้งเตือนแบบพุชและการแจ้งเตือนในแอป ตัวอย่างเช่น มีดังนี้

  • ช่องทางการสื่อสาร: ทั้งการแจ้งเตือนในแอปและการแจ้งเตือนแบบพุช เป็นช่องทางสื่อสารโดยตรงระหว่างแอปกับผู้ใช้ คุณสามารถใช้ช่องทางเหล่านี้เพื่อส่งข้อความถึงผู้ใช้ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและการรักษาผู้ใช้ให้อยู่กับแอป
  • ศักยภาพในการปรับแต่งเฉพาะบุคคล: การแจ้งเตือนทั้งสองรูปแบบ สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้โดยอิงจากข้อมูลผู้ใช้ที่คุณมีอยู่แล้ว ช่วยให้คุณส่งข้อความที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์
  • เครื่องมือทางการตลาด: การแจ้งเตือนทั้งสองประเภท เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดของคุณ ใช้การตลาดผ่านการแจ้งเตือนแบบพุชและในแอปเพื่อเพิ่มทุกตัวชี้วัดของแอป เช่น การมีส่วนร่วม การรักษาผู้ใช้ และการแปลงเป็นลูกค้า

ความแตกต่างระหว่างการแจ้งเตือนในแอปและการแจ้งเตือนแบบพุชคืออะไร?

อย่างไรก็ตาม การแจ้งเตือนทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้:

  • รูปแบบการส่ง: ตามชื่อของแต่ละประเภท การแจ้งเตือนในแอปจะปรากฏขณะผู้ใช้กำลังใช้งานแอป ส่วนการแจ้งเตือนแบบพุชสามารถส่งถึงผู้ใช้ได้ทุกเวลา แม้ในขณะที่ผู้ใช้ไม่ได้เปิดแอปอยู่
  • ระดับการรบกวน: เมื่อการแจ้งเตือนปรากฏในแอป จะไม่รบกวนผู้ใช้มากนักเพราะผู้ใช้อยู่ในแอปอยู่แล้ว แต่การแจ้งเตือนแบบพุชจะแสดงบนแถบแจ้งเตือนของโทรศัพท์ ซึ่งผู้ใช้มักจะรู้สึกว่าถูกรบกวนหรือรำคาญ
  • บริบทของการโต้ตอบ: การแจ้งเตือนในแอป จะส่งข้อความที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังทำในขณะนั้น ส่วนการแจ้งเตือนแบบพุชจะไม่ขึ้นกับบริบท และสามารถใช้เพื่อดึงผู้ใช้กลับมาใช้งานแอปได้

การแจ้งเตือนในแอป vs การแจ้งเตือนแบบพุช: แบบไหนดีกว่ากัน?

ทั้งสองเครื่องมือมีประโยชน์ในตัวเอง จึงไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าแบบใดดีกว่า การเลือกใช้การแจ้งเตือนในแอปหรือการแจ้งเตือนแบบพุชขึ้นอยู่กับเป้าหมายเฉพาะของคุณ โดยทั่วไป การแจ้งเตือนในแอปเหมาะสำหรับสื่อสารสิ่งที่ต้องการให้ผู้ใช้สนใจทันที ส่วนการแจ้งเตือนแบบพุชเหมาะกับการกระตุ้นผู้ใช้ที่ไม่ค่อยใช้งาน หรือแจ้งเตือนเรื่องเร่งด่วน ดังนั้น คุณสามารถเลือกใช้ทั้งสองเทคนิคนี้ ตามลักษณะการสื่อสารที่ต้องการ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการส่งข้อความในแอป

เพื่อให้เทคนิคนี้ได้ผลสูงสุด คุณควรทราบแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการส่งข้อความในแอป โปรดคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เพื่อสร้างการแจ้งเตือนที่ช่วยให้แอปของคุณประสบความสำเร็จ:

  • ความเกี่ยวข้องและจังหวะเวลา: การแจ้งเตือนต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังทำ ดังนั้นควรศึกษาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแสดงการแจ้งเตือน
  • CTA ในการแจ้งเตือนในแอป
  • ข้อความ CTA ที่ชัดเจน: ใส่ข้อความ CTA ที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับฟีเจอร์ในแอปของคุณ
  • ความถี่: อย่าส่งการแจ้งเตือนบ่อยเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้สึกรำคาญหรือถูกกวนใจ
  • A/B Testing: คุณสามารถใช้เทคนิค A/B Testing เพื่อค้นหาว่าสิ่งใดเหมาะสมกับกลุ่มผู้ใช้ของคุณมากที่สุด
  • ให้ผู้ใช้ควบคุมได้: สิ่งสำคัญคือให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าการแจ้งเตือนตามความต้องการได้

เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจการสร้างกลยุทธ์การส่งข้อความในแอปได้ดียิ่งขึ้น เราจะยกตัวอย่าง 3 กรณีศึกษา:

ตัวอย่างที่ 1: Duolingo

การแจ้งเตือนในแอปของ Duolingo

Duolingo เป็นแอปเรียนภาษา ที่ใช้การแจ้งเตือนในแอปเพื่อแนะนำผู้ใช้ตลอดเส้นทางการเรียนรู้ การแจ้งเตือนเหล่านี้ช่วยให้กำลังใจ แสดงความก้าวหน้า และแนะนำขั้นตอนถัดไป อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้ทำภารกิจที่กำลังทำอยู่ให้สำเร็จ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเข้าแอปและไปที่โปรไฟล์ จะมีข้อความแจ้งว่าคุณสามารถสร้างอวาตาร์ได้ การปรับแต่งนี้จะช่วยสนับสนุนเส้นทางการเรียนรู้ภาษาของคุณมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างที่ 2: Airbnb

Airbnb แสดงข้อความในแอป

Airbnb เป็นอีกหนึ่งแอปที่ใช้ประโยชน์จากการแจ้งเตือนในแอปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนตลอดกระบวนการจองที่พัก และยังมีการแจ้งเตือนเตือนความจำเกี่ยวกับทริปที่จองไว้เป็นประจำ เพื่อให้ผู้ใช้เตรียมตัวล่วงหน้าได้ทันเวลา ในตัวอย่างนี้ Airbnb ใช้การแจ้งเตือนเพื่อแนะนำฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว

ตัวอย่างที่ 2: Merge Inn

Merge Inn แสดงการแจ้งเตือนในแอป

เพื่อแสดงให้เห็นว่าการแจ้งเตือนในแอปสามารถปรับใช้ได้หลากหลาย ตัวอย่างต่อไปนี้มาจากเกมมือถือ Merge Inn ที่ใช้การแจ้งเตือนเพื่อแจ้งผู้เล่นเกี่ยวกับอีเวนต์พิเศษที่มีระยะเวลาจำกัด ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้เล่นจะเห็นเมื่อเปิดแอป

เมื่อไรและอย่างไรจึงควรใช้การแจ้งเตือนในแอป?

เมื่อไรควรใช้การแจ้งเตือนในแอป

หากคุณตัดสินใจลองใช้การตลาดในแอปสำหรับแอปของคุณ นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการแสดงการแจ้งเตือนเหล่านี้:

แนะนำผู้ใช้ใหม่ (Onboarding New Users): การแจ้งเตือนในแอปเหมาะสำหรับแนะนำผู้ใช้ใหม่ ให้รู้จักฟีเจอร์สำคัญและช่วยตั้งค่าบัญชีได้อย่างรวดเร็ว

โปรโมทฟีเจอร์ใหม่ (Promoting New Features): แจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ที่คุณเพิ่งอัปเดตในแอป

กระตุ้นการมีส่วนร่วม (Encouraging Engagement): กระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการบางอย่าง เช่น กรอกข้อมูลโปรไฟล์ให้ครบ ทำการสั่งซื้อ หรือทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่

วิธีใช้การแจ้งเตือนในแอป

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับเทคนิคนี้ EngageLab คือแพลตฟอร์มที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจในการตั้งค่าและปรับกลยุทธ์การแจ้งเตือนในแอปให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ด้วย EngageLab คุณสามารถสร้าง จัดการ และวิเคราะห์การแจ้งเตือนในแอป เพื่อส่งข้อความเฉพาะบุคคลและตรงเวลาแก่ผู้ใช้ พร้อมทั้งเข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด

ผู้ให้บริการการแจ้งเตือนในแอป EngageLab

ขั้นตอนการใช้งานแบบสอบถามในแอปหรือการแจ้งเตือนอื่น ๆ มีดังนี้:

  • กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (Define Clear Objectives): ระบุให้ชัดว่าต้องการให้การแจ้งเตือนนี้ช่วยอะไร เช่น ขอรีวิวในแอปสโตร์ โปรโมทฟีเจอร์ใหม่ หรือแนะนำคอนเทนต์เฉพาะ
  • จังหวะเวลาและความถี่ (Timing and Frequency): กำหนดช่วงเวลาและความถี่ที่จะแสดงการแจ้งเตือนให้กับผู้ใช้ ระวังอย่าส่งถี่เกินไปจนรบกวนประสบการณ์ใช้งาน
  • เนื้อหาน่าสนใจ (Engaging Content): เขียนข้อความการแจ้งเตือนให้น่าสนใจมากที่สุด หรือทดลองทำ A/B Testing ใน EngageLab เพื่อหาข้อความที่ผู้ใช้ชื่นชอบมากที่สุด
  • สร้างการแจ้งเตือนแบบพุชในแอปด้วย EngageLab
  • ติดตามและปรับปรุง (Monitor and Optimize): ติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการแจ้งเตือนในแอปผ่านระบบวิเคราะห์ของ EngageLab อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
  • สถิติการแจ้งเตือนแบบ Push ของ EngageLab
เริ่มต้นใช้ฟรี

FAQs

  • 1

    มีประเภทของการแจ้งเตือนในแอปที่แตกต่างกันหรือไม่?

    ใช่ มีการแจ้งเตือนในแอปหลากหลายรูปแบบ เช่น แบนเนอร์, ป๊อปอัป, ข้อความในแอป, ทูลทิป และการแจ้งเตือนแบบอินไลน์ โดยแต่ละประเภทเหมาะกับวัตถุประสงค์ที่ต่างกันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับแอปของคุณ
  • 2

    จะทำให้การตลาดในแอปของคุณมีประสิทธิภาพได้อย่างไร?

    เพื่อให้การแจ้งเตือนในแอปมีประสิทธิภาพ ควรเน้นส่งข้อความที่เหมาะสมและตรงเวลา โดยไม่ควรส่งถี่เกินไปจนทำให้ผู้ใช้รู้สึกรำคาญ
  • 3

    การแจ้งเตือนในแอปช่วยเพิ่มการรักษาผู้ใช้ไว้ได้หรือไม่?

    ใช่ การแจ้งเตือนในแอปสามารถช่วยเพิ่มการรักษาผู้ใช้ไว้ได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม ได้รับข้อมูล และมีแรงจูงใจในการใช้งานแอปต่อเนื่อง

สรุปท้ายบท

การแจ้งเตือนในแอปถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ใช้แอปของคุณได้นานขึ้น และยังช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนแปลง (conversion) ได้อีกด้วย หากคุณเข้าใจเทคนิคนี้อย่างถูกต้อง คุณจะสามารถเริ่มนำไปใช้กับแอปพลิเคชันของคุณและเห็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจได้ทันที ด้วย EngageLab คุณสามารถตั้งค่าและจัดการข้อความในแอปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย สมัครบัญชีของคุณวันนี้เพื่อค้นพบศักยภาพที่แท้จริง

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EngageLab และทำให้ธุรกิจของคุณง่ายขึ้นได้แล้ววันนี้

ติดต่อฝ่ายขาย