ในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลาถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องสื่อสารกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าการแจ้งเตือนบน iPhone ไม่แสดง อาจทำให้แคมเปญการตลาดของคุณไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
สำหรับธุรกิจที่ต้องการให้แคมเปญการตลาดประสบความสำเร็จ และต้องการรักษาการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้ราบรื่น จำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุของปัญหานี้และวิธีป้องกัน หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone
บทความนี้สรุปวิธีเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone เพื่อให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว!
Part 1: การแจ้งเตือนไม่แสดงบน iPhone ของคุณ?
เกิดอะไรขึ้นเมื่อการแจ้งเตือนไม่แสดงบน iPhone ของคุณ?
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป: คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดไหมเมื่อหน้าจอ iPhone เงียบสนิททั้งที่มีข้อความสำคัญเข้า? คุณไม่ได้เจอปัญหานี้คนเดียว แม้แต่สมาร์ทโฟนอย่าง iPhone ก็ยังมีปัญหาทางเทคนิคที่ทำให้การแจ้งเตือนไม่ถูกส่งออกไป สาเหตุมีหลายอย่าง ตั้งแต่ปัญหาซอฟต์แวร์ การทำงานร่วมกับแอปอื่น หรือการตั้งค่าที่ผิดพลาดโดยผู้ใช้เอง ซึ่งอาจทำให้ตอบสนองต่อเรื่องสำคัญได้ช้าลง
สำหรับองค์กร: บริษัทที่ต้องพึ่งพาการสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องอาจได้รับผลกระทบมากเมื่อการแจ้งเตือนไม่ถูกส่ง ลูกค้าอาจรู้สึกไม่พอใจทันที และบริษัทอาจเสียโอกาสในการขาย ขาดการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเสียชื่อเสียง ในยุคที่ประสบการณ์ลูกค้าคือทุกอย่าง คุณต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่อให้แคมเปญการตลาดยังได้ผล และการสื่อสารกับลูกค้าไม่สะดุด การเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone จะช่วยแก้ปัญหาการส่งข้อความและปรับแต่งการตั้งค่าบนอุปกรณ์ของคุณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและนำหน้าคู่แข่งในตลาด!
ที่มา: istockphoto
แล้วทำไมการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone ถึงไม่ทำงาน?
ด้านล่างนี้คือสาเหตุทั่วไปที่ทำให้การแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone ไม่ทำงาน
สาเหตุที่ 1: ปัญหาทั่วไป – การแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone ไม่ทำงาน
-
การตั้งค่าระบบไม่ถูกต้อง
วันที่และเวลาของระบบตั้งค่าไม่ถูกต้อง หรือมีปัญหาการตั้งค่าอื่น ๆ
-
การเชื่อมต่อเครือข่าย
เครือข่ายไม่เสถียรหรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ จะทำให้ไม่ได้รับการแจ้งเตือน
-
ข้อผิดพลาดของแอป
แอปอาจมีบั๊กหรือไม่รองรับกับ iOS เวอร์ชันปัจจุบัน ทำให้ฟังก์ชันการแจ้งเตือนไม่ทำงาน
-
อัปเดตระบบ
iPhone ยังไม่ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด อาจไม่รองรับบางแอปและกระทบต่อการแจ้งเตือนแบบพุช
-
แคชไม่เพียงพอ
แคชของแอปหรือระบบอาจทำให้ฟังก์ชันการแจ้งเตือนขัดข้อง
สาเหตุที่ 2: การตั้งค่าโหมด – การแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone ไม่ทำงาน
-
โหมดห้ามรบกวนของอุปกรณ์
อุปกรณ์อยู่ในโหมดห้ามรบกวน อาจทำให้การแจ้งเตือนจากทุกแอปหรือบางแอปถูกปิดเสียง
-
โหมดโฟกัสที่ตั้งเอง
คุณอาจตั้งโหมดโฟกัสไว้ (เช่น โหมดนอน โหมดห้ามรบกวน หรือโหมดทำงาน)
-
โหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่
โหมดประหยัดพลังงานของ iPhone อาจจำกัดการทำงานเบื้องหลัง รวมถึงการแจ้งเตือนแบบพุชด้วย
วิธีแก้ไขสำหรับสองสาเหตุข้างต้นที่ทำให้ iPhone ไม่แจ้งเตือนโดยทั่วไป ได้แก่ ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอป ให้แน่ใจว่าแอปมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง ตรวจสอบโหมดห้ามรบกวนและโหมดโฟกัส ตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่าย รีสตาร์ทอุปกรณ์ และอัปเดตแอปกับเวอร์ชันระบบ หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ กรุณาติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Apple เพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม
สาเหตุที่ 3: การตั้งค่าการแจ้งเตือนถูกปิด
-
ปิดการแจ้งเตือนโดยตั้งใจ:
คุณอาจปิดสิทธิ์การแจ้งเตือนของแอปโดยตั้งใจหรือเผลอปิดตอนติดตั้งแอป
-
จำกัดข้อมูลเบื้องหลัง:
คุณตั้งค่าไม่ให้แอปรับข้อความเมื่อใช้ดาต้าหรือ Wi-Fi
หากคุณไม่ได้รับข้อความเพราะไม่รู้วิธีเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone กรุณาอ่านต่อ! เราเตรียม 4 วิธีมาให้คุณแล้ว
Part 2: ทีละขั้นตอน! วิธีเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone
คุณพร้อมหรือยังที่จะควบคุมการแจ้งเตือนบน iPhone ของคุณอีกครั้ง เพื่อไม่พลาดข้อความสำคัญ? ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชจากการตั้งค่า และทำให้การสื่อสารของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น
วิธีที่ 1: เปิดจากหน้าจอล็อก
- กดปุ่ม Sleep/Wake หรือแตะหน้าจอเบา ๆ เพื่อปลุก iPhone ของคุณ
- เมื่ออุปกรณ์ตื่นขึ้น การแจ้งเตือนที่ยังไม่ได้อ่านจะปรากฏบนหน้าจอล็อก ปัดไปทางซ้ายบนการแจ้งเตือนที่ต้องการเพื่อดูตัวเลือกเพิ่มเติม
- แตะ "ดู" หรือ "จัดการ" เพื่อเข้าสู่การตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอปนั้น
- ในหน้าการตั้งค่าการแจ้งเตือน ให้หาปุ่ม "อนุญาตการแจ้งเตือน" และตรวจสอบว่าเปิดอยู่ การตั้งค่านี้จะเปิดการแจ้งเตือนแบบพุชและอนุญาตให้แอปส่งการแจ้งเตือนถึงคุณ
- คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าการแจ้งเตือนอื่น ๆ ได้ เช่น เสียง, การเตือน, หรือป้ายกำกับ เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ
- เมื่อปรับแต่งเสร็จแล้ว ปิดหน้าต่างการตั้งค่า แอปจะส่งการแจ้งเตือนให้คุณบนหน้าจอล็อกทันที
ที่มา: Google
วิธีที่ 2: เปิดจากศูนย์การแจ้งเตือน
- ศูนย์การแจ้งเตือนของ iPhone เข้าถึงได้ง่าย เพียงลากนิ้วลงจากขอบบนสุดของหน้าจอ คุณจะเห็นรายการแจ้งเตือนล่าสุดทั้งหมด
- ค้นหาแอปที่คุณต้องการเปิดการแจ้งเตือนแบบพุช คุณจะเห็นรายการแจ้งเตือนล่าสุดจากแต่ละแอป เลือกแอปที่ต้องการได้เลย
- กดค้างที่แถบแจ้งเตือนของแอปที่ต้องการ จะมีตัวเลือกให้ปรับแต่งการแจ้งเตือนของแอปนั้น
- หาเมนู "จัดการการแจ้งเตือน" แล้วแตะเพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอป
- เปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชโดยตรวจสอบว่าปุ่ม "อนุญาตการแจ้งเตือน" เปิดอยู่ และสามารถปรับแต่งเสียง, การเตือน หรือแบนเนอร์ตามต้องการ
- หลังตั้งค่าเสร็จ ปิดหน้าต่างการตั้งค่า แอปจะส่งการแจ้งเตือนให้คุณผ่านศูนย์การแจ้งเตือนทันที
ที่มา: Google
วิธีที่ 3: เปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชจากการตั้งค่า
- หลังจากเปิด iPhone ของคุณแล้ว ให้มองหาแอป "การตั้งค่า" (Settings) บนหน้าจอหลัก หากต้องการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ บนอุปกรณ์ ให้เข้าแอปการตั้งค่า ซึ่งแสดงด้วยไอคอนรูปเฟือง
- เมื่อเข้าแอปการตั้งค่าแล้ว ให้เลื่อนดูรายการตัวเลือกเพื่อหาแท็บ "การแจ้งเตือน" (Notifications) แตะที่ตัวเลือกนี้ คุณจะเห็นรายชื่อแอปทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ซึ่งมีฟีเจอร์การแจ้งเตือนแบบพุช
- เลือกแอปที่คุณต้องการเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุช iPhone จากเมนูการแจ้งเตือน เมื่อคลิกเข้าไปแล้ว คุณจะเข้าสู่หน้าการตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอปนั้น สามารถปรับแต่งวิธีการแจ้งเตือนได้ตามต้องการ
- เมื่อเลือกแอปที่ต้องการแล้ว จะมีสวิตช์ "อนุญาตการแจ้งเตือน" (Allow Notifications) ปรากฏขึ้น ให้กดเปิดสวิตช์นี้เพื่อเปิดการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone สำหรับแอปที่เลือก เมื่อเปิดใช้งานแล้ว แอปจะสามารถส่งการแจ้งเตือนและอัปเดตมายังโทรศัพท์ของคุณได้อย่างทันท่วงที
- นอกจากการเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชแล้ว คุณยังสามารถปรับแต่งตัวเลือกการแจ้งเตือนอื่น ๆ ให้เหมาะกับความต้องการ เช่น การแสดงตัวเลขบนไอคอนแอป (badge app icons) รูปแบบการแจ้งเตือน และเสียงแจ้งเตือน เพื่อให้ประสบการณ์การแจ้งเตือนตรงกับที่คุณต้องการมากที่สุด
- เมื่อพอใจกับการตั้งค่าการแจ้งเตือนแล้ว ให้ปิดแอปการตั้งค่า ตอนนี้คุณสามารถปิดหรือเปิดการแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับแอปที่เลือกได้อย่างปลอดภัย การเปลี่ยนแปลงและการแจ้งเตือนสำคัญจากแอปโปรดของคุณจะยังคงแจ้งเตือนบนหน้าจอล็อกหรือศูนย์การแจ้งเตือน (Notification Center) ของ iPhone เพื่อให้เข้าถึงได้สะดวก
ที่มา: Google
วิธีที่ 4: ตั้งเวลาสรุปการแจ้งเตือน (Schedule a Notification Summary)
- คุณควรตั้งค่าสรุปการแจ้งเตือนบน iPhone เพื่อจัดการและรับประโยชน์สูงสุดจากการแจ้งเตือนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เริ่มที่แอป "การตั้งค่า" (Settings) บนหน้าจอหลักของอุปกรณ์ แล้วแตะเพื่อเปิด
- เปิดแอปการตั้งค่า แล้วเลื่อนลงมาจนพบเมนู "การแจ้งเตือน" (Notifications) ในส่วนนี้คุณสามารถปรับแต่งวิธีการส่งและแสดงการแจ้งเตือนสำหรับทุกแอปที่ติดตั้งไว้
- ไปที่เมนู "การแจ้งเตือน" แล้วค้นหาตัวเลือก "สรุปการแจ้งเตือนแบบตั้งเวลา" (Scheduled Summary) ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการแจ้งเตือนล้นหน้าจอ โดยจะรวมการแจ้งเตือนจากหลายแอปไว้ในสรุปเดียว และช่วยให้ประสบการณ์การแจ้งเตือนเป็นระเบียบมากขึ้น
- เปิดสวิตช์เพื่อใช้งานฟีเจอร์ "สรุปการแจ้งเตือนแบบตั้งเวลา" (Scheduled Summary) เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คุณจะสามารถปรับแต่งเนื้อหาและกำหนดเวลาส่งสรุปการแจ้งเตือนได้ตามต้องการ
- เลือกเวลาที่คุณต้องการรับสรุปการแจ้งเตือน สามารถกำหนดตารางเวลาตามไลฟ์สไตล์ของคุณได้ เช่น รับวันละครั้งหรือหลายครั้งต่อวัน
- ปรับแต่งแอปและระดับความสำคัญที่จะแสดงในสรุปการแจ้งเตือน คุณสามารถเลือกแอปที่ต้องการให้แจ้งเตือนก่อน เพื่อให้แอปที่ใช้บ่อยแจ้งเตือนเรื่องสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
- เมื่อปรับแต่งการตั้งค่าสรุปการแจ้งเตือนเสร็จแล้ว ให้ปิดแอปการตั้งค่า แล้วเพลิดเพลินกับประสบการณ์การแจ้งเตือนที่เป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพมากขึ้นบน iPhone ของคุณ
Part 3: ผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้าถึงผู้ใช้ EngageLab - มากกว่าการแจ้งเตือนแบบพุช
ยินดีต้อนรับสู่ EngageLab ทางเลือกที่ดีที่สุดในการเข้าถึงและเชื่อมต่อกับผู้ใช้มากขึ้น นอกจากการแจ้งเตือนแบบพุชแบบเดิม EngageLab ยังพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการรองรับการแจ้งเตือนสำหรับแอปเฉพาะและข้อมูลระบบปฏิบัติการ iOS อย่างเต็มรูปแบบ หากคุณสนใจผสานรวม SDK ของเรา สามารถศึกษาคู่มือการใช้งานได้ทันที นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ EngageLab แตกต่าง:
วิธีการแจ้งเตือนแบบพุชที่หลากหลาย
EngageLab ให้คุณส่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบ iOS ไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง แตกต่างจากการแจ้งเตือนแบบพุชทั่วไปของแอป EngageLab รับประกันว่าผู้ใช้ของคุณจะได้รับข้อความอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นอัปเดตระบบ การแจ้งเตือน หรือบันทึกข้อความ
อัตราการส่งถึงสูง
ตัวชี้วัดสำคัญของบริการการแจ้งเตือนแบบพุช คือความสามารถในการรักษาอัตราการส่งถึงที่สูง EngageLab โดดเด่นในด้านนี้ จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แพลตฟอร์มนี้มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและปรับแต่งมาอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าการแจ้งเตือนจะถูกส่ง รับ และมีปฏิสัมพันธ์จากกลุ่มเป้าหมายของคุณ
มั่นใจเรื่องการปฏิบัติตามข้อกำหนด
การปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมากในยุคนี้ EngageLab ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและข้อบังคับในอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าการแจ้งเตือนแบบพุชของคุณสอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว คุณจึงมั่นใจได้ว่าการส่งข้อความของคุณถูกต้องตามกฎหมายและปลอดภัย
จัดการข้อมูลได้สะดวก
ในโลกของบริการการแจ้งเตือนแบบพุช EngageLab ไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องการส่งข้อความอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ทันสมัย เหมาะสำหรับธุรกิจที่เน้นกลยุทธ์ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ผ่านการสื่อสารที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
สรุปใจความสำคัญ
สรุปแล้ว การเรียนรู้วิธีเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุชบน iPhone ถือเป็นสิ่งสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านการติดต่อและปฏิสัมพันธ์ โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การเข้าใจสาเหตุที่บางการแจ้งเตือนไม่ทำงาน ไปจนถึงการใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อให้การแจ้งเตือนแบบพุชทำงาน บทความนี้ได้ให้ข้อมูลที่คุณต้องการเพื่อไม่พลาดการติดต่อ
แต่ทำไมต้องหยุดแค่นั้น? EngageLab คือบริการส่งข้อความแบบพุชที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าถึงผู้ใช้มากขึ้นและเพิ่มการมีส่วนร่วม เรามีคู่มือ วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบพุชบน iOS ให้คุณศึกษาเพิ่มเติม หากสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้เลย
คุณพร้อมหรือยังที่จะยกระดับแผนการสื่อสารของคุณ? สัมผัสความแตกต่างด้วยข้อเสนอทดลองใช้ฟรีจาก EngageLab อย่าพลาดโอกาสนี้ในการเปลี่ยนวิธีใช้การแจ้งเตือนแบบพุชและสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณให้มากขึ้น
อ่านเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแจ้งเตือนแบบพุชและ iOS ได้จากบทความด้านล่างนี้!








